“พาณิชย์” เล่นงานรายใหญ่ จับ 2 ฟาร์มดังในนครปฐมและนครสวรรค์โก่งราคาขายไข่ไก่ ส่วนพ่อค้าแม่ค้าที่ฉวยโอกาสเจอรวบไปแล้ว 8 ราย มีทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ฝากถึงผู้ที่คิดจะรวยทางลัด ซ้ำเติมประชาชนช่วงโควิด-19 ขอให้คิดให้ดี เจอจับแล้วไม่คุ้ม เหตุจะถูกดำเนินคดีเด็ดขาด
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับคณะทำงานเฉพาะกิจป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภคระดับจังหวัด ดำเนินการจับกุมดำเนินคดีผู้ขายไข่ไก่ราคาแพงในข้อหาค้ากำไรเกินควรอย่างเด็ดขาด โดยได้จับกุมฟาร์มไข่ไก่ ชื่อชนมพร ฟาร์ม ที่ อ.บางเลน จ.นครปฐม ขายไข่ไก่หน้าฟาร์มราคาสูงมาก จากราคาปกติที่ 2.80 บาทต่อฟอง แต่ขายในราคาสูงถึง 3.80 บาทต่อฟอง และอีกรายคือ กนกวรรณฟาร์ม ที่ อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ที่ขายไข่คละหน้าฟาร์มเฉลี่ย 3.20 บาทต่อฟอง จากราคาปกติ 2.80 บาทต่อฟอง ซึ่งได้ดำเนินคดีค้ากำไรเกินควรแล้วทั้ง 2 ฟาร์ม มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนการจับกุมผู้จำหน่ายไข่ไก่ปลีก สามารถจับกุมได้ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ได้แก่ จ.พิษณุโลก ขายไข่ไก่ เบอร์ 2 จำนวน 30 ฟอง ราคา 140 บาท จ.ปทุมธานี ขายไข่ไก่เบอร์ 0 ราคา 170 บาท จ.นครสวรรค์ ขายไข่ไก่ เบอร์ 0 ราคา 155 บาท เบอร์ 1 ราคา 150 บาท เบอร์ 2 ราคา 145 บาท เบอร์ 3 ราคา 130 บาท เขตราชเวที กรุงเทพฯ ขายไข่ไก่เบอร์ 0 ราคา 200 บาท อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ และ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี จับกุมไม่ปิดป้ายแสดงราคา แต่รายที่ จ.จันทบุรียังโดนข้อหาค้ากำไรเกินควรด้วย เพราะจำหน่ายไข่ไก่เบอร์ 0 ราคา 180 บาท เบอร์ 1 ราคา 170 บาท และเบอร์ 2 ราคา 160 บาท อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี จับกุมผู้ค้าไข่ไก่เบอร์ 0 ราคา 180 บาท และที่ จ.อ่างทอง จับกุมผู้ค้าไข่ไก่เบอร์ 0 ราคา 180 บาท
“อยากจะฝากเตือนถึงผู้คิดจะกระทำผิดกฎหมาย ด้วยการฉวยโอกาสซ้ำเติมประชาชนที่ในขณะนี้กำลังร่วมชะตากรรมประสบภัยโควิด-19 ผมไม่อยากเห็นภาพการแสวงหาประโยชน์ ซ้ำเติมความทุกข์ประชาชน เพราะเมื่อถูกดำเนินคดีแล้ว ศาลพิพากษาจำคุกจริงๆ จึงไม่ควรเห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้าที่ได้มาเพราะไม่คุ้ม” นายจุรินทร์กล่าว
ทั้งนี้ อยากฝากถึงผู้บริโภค ขอความร่วมมือช่วยซื้อเท่าที่รับประทาน เมื่อหมดค่อยออกมาซื้อใหม่ จะได้ช่วยให้ทุกคนมีไข่บริโภค เพราะจากการติดตามสถานการณ์การจำหน่ายไข่ไก่ในช่วงที่ผ่านมาของกรมการค้าภายในพบว่ามีการซื้อเพิ่มขึ้นจากปกติสูงขึ้น 3 เท่า แต่จำนวนไข่ไก่ปกติออกสู่ตลาดวันละ 41 ล้านฟอง ซึ่งเพียงพอต่อการบริโภค และบางช่วงเหลือต้องส่งออก ซึ่งปัจจุบันไข่ไก่ก็เข้าสู่ระบบทุกวัน และยังทราบว่าขณะนี้หลายๆ ห้างได้จำกัดการซื้อต่อคนแล้วเพื่อให้กระจายได้ทั่วถึง
สำหรับการห้ามส่งออกไข่ไก่ ได้เริ่มตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. 2563 เป็นระยะเวลา 7 วัน ซึ่งได้เรียกประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เป็นการเร่งด่วน เพื่อให้มาตรการมีผลบังคับใช้ เพราะเป็นอำนาจของ กกร. ซึ่ง กกร.ได้เห็นชอบ และยังได้ให้อำนาจ รมว.พาณิชย์ในฐานะประธาน กกร.ใช้ดุลพินิจขยายระยะเวลาการห้ามส่งออกได้ แต่ไม่เกิน 30 วัน หากมีความจำเป็นต้องห้ามนานกว่านี้ต้องมาขออนุญาตจากที่ประชุม กกร.อีกครั้ง