คณะทำงานเฉพาะกิจสินค้าอุปโภคบริโภคสั่งจัดการขั้นเด็ดขาดพวกกักตุน โก่งราคาขาย เพื่อดูแลประชาชนในสถานการณ์วิกฤต มอบตำรวจ กอ.รมน.จับได้ทันที พร้อมให้หน่วยงานอื่นให้ใช้อำนาจตามกฎหมายที่มีจับด้วย เผยผู้บริโภคที่แจ้งเบาะแสจะได้ส่วนแบ่งค่าปรับ 25% หลังคดีสิ้นสุด ล่าสุดจับกุมขายไข่ไก่แพงแล้ว 3 ราย รวมถึงขายแอลกอฮอล์แพง ส่วนยอดจับกุมรวมทะลุ 216 ราย
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภคระดับประเทศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และกรมการค้าภายใน ว่า เป็นการประชุมเต็มคณะครั้งแรกเพื่อเตรียมมาตรการดูแลราคาสินค้า ทั้งการป้องกันการกักตุน การจำหน่ายเกินราคา เพราะขณะนี้ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ จึงต้องดำเนินการจับกุมเด็ดขาด บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง โดยจะบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมาย ใครมีอำนาจอะไรก็ดำเนินการตามอำนาจที่มีอยู่ เพื่อดูแลประชาชนในช่วงนี้ไม่ให้ได้รับผลกระทบ
“ขณะนี้ถือว่าสถานการณ์ไม่ปกติ กำลังคนของพาณิชย์มีน้อย จึงต้องร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมาย โดยคณะทำงานเฉพาะกิจฯ ได้สั่งลุยแล้ว ไม่ให้ถือว่าเป็นงานรูทีน แต่ให้เป็นงานเฉพาะกิจ โดยเฉพาะเรื่องการจับกุมผู้กระทำความผิด ตำรวจ ถือเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย สามารถดำเนินการได้เลย ไม่ต้องมีคนจากกระทรวงพาณิชย์ไปร่วม ใครทำผิดกฎหมายจับได้เลย กอ.รมน.ก็จับได้ ส่วนหน่วยงานอื่นๆ เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข สคบ.ให้ดำเนินการตามกฎหมายที่ตัวเองดูแลอยู่ได้ อย่างแอลกอฮอล์ ถ้าความเข้มข้นไม่ถึง 70% ไม่มีคุณภาพ ก็จับกุมได้ เป็นต้น”
ทั้งนี้ ยังได้ประสานยังกระทรวงมหาดไทยให้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานคณะทำงานเฉพาะกิจป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภคระดับจังหวัด ให้ดำเนินการและบังคับใช้กฎหมายในทิศทางเดียวกันอย่างเคร่งครัดด้วย
สำหรับผู้บริโภคที่พบเห็นการเอารัดเอาเปรียบ หรือพบเห็นการกักตุน หรือพบเห็นการจำหน่ายสินค้าราคาแพงเกินจริง สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วน 1569 กรมการค้าภายใน และในระดับจังหวัดร้องเรียนได้ที่ศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งอยากจะแจ้งถึงผู้บริโภคที่ร้องเรียน หากสามารถดำเนินการจับกุมดำเนินคดี และคดีถึงที่สุด มีการปรับผู้กระทำความผิด ผู้ที่ร้องเรียนจะได้รับส่วนแบ่งค่าปรับที่ได้จากคดีในอัตรา 25% ของค่าปรับ
นายบุณยฤทธิ์กล่าวว่า การดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดสินค้าไข่ไก่ได้จับกุมไปแล้ว 3 ราย ที่ จ.ปทุมธานี ขายไข่ไก่เบอร์ 0 จำนวน 30 ฟอง ราคา 170 บาท ราคาเฉลี่ย 5.66 บาทต่อฟอง จากปกติไม่ควรเกิน 4.10-4.20 บาทต่อฟอง ที่ จ.พิษณุโลก ขายไข่ไก่เบอร์ 2 จำนวน 30 ฟอง ราคา 140 บาท จากปกติไม่ควรเกิน 110 บาท และที่ จ.นครสวรรค์ ขายไข่ไก่ เบอร์ 0 ราคา 155 บาท เบอร์ 1 ราคา 150 บาท เบอร์ 2 ราคา 145 บาท เบอร์ 3 ราคา 130 บาท เกรดคละราคากว่า 100 บาท ซึ่งได้ส่งดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งหมดแล้ว และยังมีการจับกุมผู้จำหน่ายแอลกอฮอล์ราคาแพงเกินจริงที่ จ.ภูเก็ต จากราคาปกติ 45-50 บาท ขายในราคา 309 บาท ส่วนยอดจับกุมผู้กระทำความผิดจนถึงวันที่ 26 มี.ค. 2563 ส่วนใหญ่เป็นผู้กระทำผิดเกี่ยวกับหน้ากากอนามัย รวม 216 ราย แยกเป็นกรุงเทพฯ 109 ราย และต่างจังหวัด 107 ราย
“กรณีไข่ไก่ ไม่อยากให้ผู้บริโภคตื่นตระหนก เพราะไข่ไก่มีกำลังการผลิตวันละ 41 ล้านฟอง บริโภคในประเทศ 39 ล้านฟอง ยังมีผลผลิตส่วนเกินเหลืออยู่ 2 ล้านฟอง ซึ่งปกติจะส่งออก แต่ล่าสุดได้ห้ามการส่งออกไปแล้ว 7 วัน สามารถขยายเวลาได้หากยังมีปัญหา ส่วนที่ดูเหมือนสินค้าขาดแคลนเพราะเติมสินค้าไม่ทัน จากปกติขาย 1 สัปดาห์หมด แต่คนซื้อหมดภายใน 1 วัน ทำให้สินค้าขาดช่วง และยังคงยืนยันว่ามีเพียงพอ เพราะปกติจะมีนักท่องเที่ยวมาไทย 30-40 ล้านคน ทุกโรงแรมมีเมนูไข่ แต่ตอนนี้นักท่องเที่ยวหายไป ส่วนเกินจากตรงนี้ก็กลับเข้ามาสู่ตลาด ที่สำคัญ ไม่มีความจำเป็นต้องกักตุน เพราะรัฐบาลไม่ได้ห้ามออกจากบ้าน ยังสามารถออกมาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคได้” นายบุณยฤทธิ์กล่าว