อธิบดีกรมการขนส่งฯ ลงนามประกาศมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัส “โควิด-19” ห้ามผู้โดยสารที่ไม่ใส่หน้ากากอนามัยขึ้นรถโดยสาร ส่วนผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัดด้วยรถโดยสารสาธารณะต้องให้ข้อมูลที่พักที่ติดต่อได้ วัดไข้สูงเกิน 37.5 องศา ห้ามเดินทางเด็ดขาด
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยยังไม่คลี่คลายและมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น และนายกรัฐมนตรีได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2563
วันนี้ (26 มี.ค.) ได้ลงนามในประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง มาตรการปฏิบัติเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถสาธารณะและผู้โดยสาร โดยสาระสำคัญของประกาศดังกล่าว กำหนดให้ผู้โดยสารทุกคนที่จะใช้บริการรถโดยสารสาธารณะทุกประเภทต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าก่อนขึ้นรถโดยสารและตลอดการเดินทาง
สำหรับผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัดด้วยรถโดยสารสาธารณะ ต้องให้ความร่วมมือตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนใช้บริการ และกรอกข้อมูลตามแบบ ต.8 คค หรือให้ข้อมูลในลักษณะเดียวกันผ่านแอปพลิเคชันของหน่วยงาน ซึ่งแบบ ต.8 คค จะมีส่วนสำคัญให้ผู้โดยสารต้องระบุข้อมูลที่พักที่สามารถติดต่อได้
ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกได้สั่งการให้สำนักงานขนส่งจังหวัดทุกแห่งควบคุมกำกับผู้ประกอบการขนส่งให้จัดเก็บข้อมูลผู้โดยสารทุกคนอย่างเคร่งครัด และต้องจัดส่งข้อมูลให้สำนักงานขนส่งจังหวัดหรือนายสถานีขนส่งผู้โดยสาร ทั้งยังมีมาตรการคัดกรองผู้โดยสาร ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารทั้งต้นทางและปลายทาง หากตรวจพบผู้โดยสารที่มีอุณหภูมิสูงเกินกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ห้ามเดินทางโดยเด็ดขาด และประสานหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่เข้าดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว
ด้านผู้ประกอบการขนส่งซึ่งต้องดำเนินการตามประกาศดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ต้องเข้มงวดตรวจสอบห้ามมิให้ผู้โดยสารที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยขึ้นรถโดยสารเด็ดขาด หรืออาจอำนวยความสะดวกในการจัดหาหน้ากากมาจำหน่ายราคาประหยัดให้ผู้โดยสารที่ไม่มีหน้ากากสามารถซื้อก่อนใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ จัดที่นั่งคอยและที่นั่งบนรถโดยสาร เว้นระยะห่างระหว่างคนอย่างน้อย 1 เมตร เพื่อป้องกันการติดต่อสัมผัส เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคภายในรถและอาคารสำนักงาน ช่องจำหน่ายตั๋ว เช่น ราวจับ ที่จับบริเวณประตูรถ ที่นั่ง ราวจับบันได/บันไดเลื่อน ปุ่มกดลิฟต์ และห้องน้ำ เป็นต้น ให้มีน้ำยาแอลกอฮอล์ เจล หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค
สำหรับผู้โดยสารภายในรถ รวมถึงในพื้นที่ส่วนกลางและบริเวณที่มีการใช้งานร่วมกัน เช่น บริเวณทางเข้า-ออกสถานี ห้องจำหน่ายตั๋วโดยสาร กำชับให้พนักงานขับรถ ผู้ประจำรถ เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ในสถานีขนส่งผู้โดยสารสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาขณะปฏิบัติงาน
ทั้งนี้ กรณีที่ผู้โดยสารไม่ให้ความร่วมมือในการคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิก่อนใช้บริการ ไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ผู้ประกอบการขนส่งสามารถปฏิเสธการให้บริการได้ โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวนับตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จะคลี่คลายหรือมีการประกาศเปลี่ยนแปลง หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามอาจมีความผิดตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548