“มัลลิกา” ยันฟ้องดำเนินคดี “อัจฉริยะ” ทุกศาล ลั่นไม่ยอมความ เหตุถูกใส่ร้ายป้ายสีโดยไม่มีหลักฐาน ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งออกหน้ากากอนามัย ไม่รู้จักบริษัทผลิตใดๆ และในการอนุญาตหรือไม่มีคณะกรรมการดูแลชัดเจนแทรกแซงไม่ได้ พร้อมฝากถึงนายอัจฉริยะกล้าสาบานหรือไม่ คนให้ข้อมูล ทำแบบโปร่งใส ไร้เจตนาทางการเมือง
นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบอำนาจให้ทนายความดำเนินคดี 2 ข้อหาต่อ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ หรือทนายอัจฉริยะ เกี่ยวกับความผิดเรื่องหมิ่นประมาท หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ หรือความผิดตามกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อพนักงานสอบสวน ต่อศาลที่มีอำนาจ จากกรณีที่นายอัจฉริยะกล่าวหาให้ร้ายว่ามีที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งออกหน้ากากอนามัย โดยการฟ้องร้องครั้งนี้ไม่มียอมความแน่นอนและจะดำเนินคดีถึงที่สุดทุกศาลด้วย เพราะเป็นการให้ร้ายผู้ที่ตั้งใจทำงานโดยที่ไม่มีหลักฐานชัดเจน และที่สำคัญตนไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยมาก่อนตลอดเส้นทางการทำงานการเมืองมา
“ที่ไม่ได้ออกมาตอบโต้ตั้งแต่ต้นเนื่องจากนายอัจฉริยะไม่ได้ระบุชื่อใคร แม้แต่ตอนไปยื่นเรื่องต่อรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็ไม่ระบุชื่อ แต่เพราะการพูดซ้ำหลายครั้งของนายอัจฉริยะจึงได้รวบรวมแล้วพบว่าได้มีการพาดพิงถึงที่ปรึกษารัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้หญิง ระบุบุคลิก ทำให้คนเชื่อได้ว่าเป็นนางมัลลิกา ประกอบกับที่ปรึกษาซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งของกระทรวงนี้คือ นางมัลลิกา จึงต้องแจ้งความดำเนินคดี”
นางมัลลิกากล่าวว่า เพื่อให้สังคมสิ้นสงสัยจากความอึมครึมเพราะมีการกล่าวหาแต่ฝ่ายเดียว กระทบถึงการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ ทำให้ผู้คนมโน ผสมจินตนาการ ไปมากมายบนสังคมการสื่อสารออนไลน์ จึงใช้โอกาสนี้เรียนชี้แจงว่า 1. ขอปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องการส่งออกหน้ากากอนามัย หรือกิจการใดของผู้ประกอบการเกี่ยวกับหน้ากากอนามัยทั้งสิ้น 2. ขอปฏิเสธว่าไม่รู้จัก ไม่มีความสัมพันธ์ ไม่ได้ผูกพัน ไม่ได้ใกล้ชิด ไม่ได้มีมิตรคนใดไปเกี่ยวข้องกับกิจการหน้ากากอนามัยของบริษัทใดทั้งสิ้น และ 3. ในการทำหน้าที่ขออนุญาตตามระเบียบราชการนั้นจะมีคณะอนุกรรมการจากกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) มีทั้งตัวแทนองค์การอาหารและยา (อย.) ตัวแทนองค์การเภสัชกรรม ตัวแทนกรมการค้าภายใน และตัวแทนกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นผู้พิจารณาซึ่งเป็นองค์คณะ ฝ่ายข้าราชการการเมืองไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้
“ดิฉันยินดีให้ความร่วมมือในการตรวจสอบของภาคประชาชนทุกคน แม้แต่นายอัจฉริยะในฐานะภาคประชาชน ก็ขอให้เดินหน้าทำการตรวจสอบต่อไปอย่าได้หยุด แต่การตรวจสอบนั้นต้องรวบรวมข้อมูลหลักฐานให้ชัดเจนก่อนจะกล่าวหาผู้ใด เพราะการใช้คำพูด 2-3 คำให้ร้ายผู้อื่นโดยปราศจากความเป็นธรรมตั้งแต่ต้นเสียแล้ว เช่นนี้เราจะไปหาความเป็นธรรมให้กับประชาชนได้อย่างไร ดังนั้น จึงขอให้นำพยานหลักฐานทุกชนิดเข้าสู่กระบวนการสอบสวนได้เลย”
อย่างไรก็ตาม ขอฝากถึงนายอัจฉริยะว่ากล้าสาบานมั้ย คนที่ให้ข้อมูล คนที่โทร.ไป เป็นคนที่ทำเพื่อชาติ ประชาชน หรือไม่ได้ทำเพื่อสิ่งหนึ่งสิ่งใด หรือเจตนาทางการเมือง เพราะแค่ความเป็นธรรมชั้นต้นยังไม่มีการตรวจสอบ ต้องมีหลักฐาน ไม่ใช่กล่าวหาแบบไม่รับผิดชอบ