สองบริษัทผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Search Engine กีคคอน วัลเล่ย์ ของไทย และ พาย ดาต้าเมทริกซ์ จากอังกฤษ เตรียมรุกธุรกิจในไทยและเอเชีย หวังปรับกลยุทธ์ด้านการตลาดให้สินค้าแบรนด์ใหญ่ กลาง เล็กในไทย และในเอเชีย เติบโตชนะคู่แข่งผ่าน SERP Evolution Features เทคโนโลยีอัจฉริยะตัวใหม่ที่รู้เท่าทัน ส่วนสองผู้บริหารกีคคอน วัลเล่ย์ ของไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจด้านนี้ แม้บริษัทฯ จะเปิดเพียงแค่ 3 ปี แต่บริษัทสามารถเติบโตแบบก้าวกระโดดถึง 1 เท่าตัว หรือ 100% จากปีที่แล้วที่ทำรายได้ในไทยเพียง 40 ล้าน แต่ปีนี้คาดว่าจะทำรายได้ถึง 80 ล้านบาท ผลพวงมาจากไวรัสโคโรนา เตรียมขยายธุรกิจสู่ตลาดเอเชียทั้งอินโดนีเซีย เกาหลีใต้ จีน เวียดนาม และสิงคโปร์ภายในสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน
ดร.ฐิติมา อุดม ประธานกรรมการ บริษัท กีคคอน วัลเล่ย์ จำกัด (Geekcon Valley Co., Ltd.) นายวิเลิศ อรวรรณวงศ์ CEO บริษัท กีคคอน วัลเล่ย์ จำกัด (Geekcon Valley Co., Ltd.) และ มิสเตอร์ โจนาธาน เอิร์นชอว์ (Mr. Jonathan Earnshaw) Chief Product Evangelist, Pi Datametrics จากประเทศอังกฤษ สองบริษัทผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Search Engine ได้ร่วมกันเผยถึงแผนการตลาดในเมืองไทย พร้อมเปิดตัว SERP Evolution Features เทคโนโลยีอัจฉริยะตัวใหม่ที่รู้เท่าทันทุกวิวัฒนาการ ทุกการเปลี่ยนแปลงของการแสดงผล และการจัดอันดับของ Search Engines ยุคใหม่ เช่น Google, Baidoo (ประเทศจีน) Yandex (ประเทศรัสเซีย) หรือ Naver (เกาหลี) เพื่อช่วยในการวางแผนให้เว็บไซต์ก้าวสู่อันดับต้นๆ บนหน้าหนึ่งของ Search Engines มีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ดร.ฐิติมา อุดม ประธานกรรมการ บริษัท กีคคอน วัลเล่ย์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทกีคคอน วัลเล่ย์ จำกัด ได้เปิดดำเนินการทำธุรกิจด้าน Search Engine มากว่า 3 ปี ส่วนบริษัทพาย ดาต้าเมทริกซ์ ได้ดำเนินธุรกิจด้าน Search Engine ที่ประเทศอังกฤษมากว่า 13 ปีแล้ว โดยทั้งสองบริษัทฯ ได้เข้ามาร่วมทุนเพื่อดำเนินธุรกิจดังกล่าวในฐานะพาร์ตเนอร์ร่วมกันเพียง 2 ปีเท่านั้น โดยในปีที่ผ่านมานั้นทางบริษัท กีคคอนฯ สามารถทำรายได้ถึง 40 ล้าน สำหรับปีนี้ตนคาดการณ์ว่าบริษัทฯ จะสามารถทำยอดรายได้สูงถึง 80 ล้านบาทสำหรับในประเทศไทย ด้วยเม็ดเงินดังกล่าวทำให้บริษัทฯ มียอดเติบโตแบบก้าวกระโดดถึง 1 เท่าตัว หรือคิดเป็น 100% ซึ่งถือเป็นผลพวงที่ดีอันเนื่องมาจากไข้หวัดโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่กำลังระบาดอยู่ในหลายประเทศทั่วโลกขณะนี้ ทำให้ผู้บริโภคสินค้าหันมาเลือกซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ชื่อดังต่างๆ
ดร.ฐิติมายังกล่าวต่อว่า นอกเหนือจากการรุกตลาดในเมืองไทยแล้ว ทางบริษัทพาย ดาต้าเมทริกซ์ ในประเทศอังกฤษ ยังตัดสินใจให้บริษัท กีคคอนฯ ของเราเป็นศูนย์กลางธุรกิจด้าน Search Engine ในประเทศเอเชีย ด้วยศักยภาพของผู้บริหารของบริษัทฯ ที่ต่างมีความเชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ทั้งด้าน Digital Branding Media ฯลฯ ปัจจุบันบริษัทฯ ได้เข้าไปร่วมทุนกับบริษัทในประเทศอินโดนีเซียแล้วเพื่อทำธุรกิจด้านนี้โดยตรง และคาดว่าจะสามารถขยายสาขาไปสู่ประเทศเกาหลีใต้ จีน เวียดนาม และสิงคโปร์ภายในสิ้นปีนี้ และจะสามารถสร้างรายได้ให้แก่บริษัทในช่วงปีแรกที่เริ่มขยายตลาดไปสู่ 5 ประเทศดังกล่าวด้วยรายได้ 40 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 50% ของยอดรายได้ทั้งหมดในประเทศไทย ส่วนในปีหน้านั้นตนหวังว่าจะมีการขยายสาขาไปสู่ประเทศต่างๆ ในเอเชียเพิ่มขึ้น และตั้งเป้าเติบโตอยู่ที่ 100% เต็มเช่นกัน
ด้านนายวิเลิศ อรวรรณวงศ์ CEO บริษัท กีคคอน วัลเล่ย์ จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมาหลังจากที่บริษัท กีคคอนฯ ได้ร่วมกับบริษัทพาย ดาต้าเมทริกซ์ จากประเทศอังกฤษ ทำธุรกิจด้าน Search Engine ในไทย ทำให้ตลาดธุรกิจในด้านนี้มีความตื่นตัวมากขึ้น ปัจจุบันมีลูกค้าหันมาให้ความสนใจมากยิ่งขึ้น และคาดว่าปีนี้ทางบริษัทจะสามารถมีลูกค้าอยู่ในการดูแลกว่า 30 บริษัทจากที่มีอยู่ 20 บริษัทอย่างแน่นอน
สำหรับบริษัทหรือสินค้าที่ให้บริษัทเข้ามาช่วยดูแลเพิ่มยอดขาย เช่น ยูนิลีเวอร์, นีเวีย, อินเด็กซ์, บิ๊กซี, แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, ยูเซอริน, จัสปาล ฯลฯ เป็นต้น โดยที่ผ่านมาเราสามารถสร้างยอดขายให้แก่ลูกค้าที่ทำธุรกิจด้านเรียลเอสเตทมาแล้ว หลังจากที่เราสามารถทำเพจขายคอนโดมิเนียมของเขาสามารถขึ้นอยู่ในหน้า 1 กูเกิลภายในสองเดือน นอกจากนี้ก็ยังมีสินค้าประเภทสกินแคร์อย่างยูเซอรินที่ให้เราช่วยทำการตลาดให้ ด้วยการทำเพจสินค้าของยูเซอรินให้ติดอยู่ในหน้า 1 กูเกิลได้สำเร็จ และได้รับการตอบรับค่อนข้างดีจากลูกค้า ทำให้ยูเซอรินมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 50%
ส่วนมิสเตอร์ โจนาธาน เอิร์นชอว์ ผู้บริหารจากบริษัท พาย ดาต้าเมทริกซ์ จากประเทศอังกฤษ กล่าวว่า ตลอด 13 ปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้สร้างยอดขายและรายได้ให้แก่ลูกค้าในเชิงการตลาดมากมาย ซึ่งลูกค้ามีหลากหลายประเภท หนึ่งในนั้นก็จะมีสินค้าประเภทสื่อสิ่งพิมพ์ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากการที่เว็บเพจของสื่อสิ่งพิมพ์ดังกล่าวสามารถก้าวขึ้นสู่หน้า 1 กูเกิลตลอดเวลา เช่น นิตยสารโว้ค, นิตยสารจีคิว, นิตยสารแอล และนิตยสารท่องเที่ยวอย่างคอนนีดาส เป็นต้น ทั้งนี้ ตนคาดว่าการที่มาร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจกับบริษัทกีคคอนฯ ในไทยครั้งนี้ นอกเหนือการสร้างความรู้ทางด้านธุรกิจ Search Engine ให้กับสินค้าและบริษัทฯ ในไทยแล้ว ตนหวังว่าการเปิดตัว SERP Evolution Features ในไทยครั้งนี้จะทำให้ธุรกิจขนาดใหญ่และเล็กสามารถเข้ามาแข่งกันทางธุรกิจกับบริษัทใหญ่ๆ ได้อย่างไม่ต้องกลัวบนตลาดออนไลน์
นอกจากนี้ มิสเตอร์ โจนาธาน เอิร์นชอว์ ยังให้ความรู้และไขความลับในโลกของ Search Engines เพื่อให้รู้เท่าทัน Google ช่วยธุรกิจก้าวสู่ชัยชนะในโลกของ Search Engine ด้วยว่า
“Search Engine มีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น Google Algorithm เปลี่ยนเกือบทุกอาทิตย์ และมีการปรับใหญ่ Update ปีละ 4-5 ครั้ง วิธีการจัดแสดงผลของ Google ว่าจะนำเว็บไซต์หน้าใดมาแสดงเวลาลูกค้าค้นหา (Search Engine Result Pages หรือ SERP) ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ดังนั้น เราต้องค้นหาเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ามาใช้ในการวิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำ ใน 3 ปัจจัย คือ (1) Customers การวิเคราะห์ลูกค้าว่าต้องการค้นหาอะไรโดยดูข้อมูลจากการค้นหาของลูกค้าที่ผ่านมา (2) Google and SERP Ecosystem การวิเคราะห์ Google ว่ามีหลักการจัดแสดงผลโดยผสมผสานปัจจัยอะไรที่ Google ได้เรียนรู้อย่างต่อเนื่องจากการค้นหาของลูกค้าในอดีต (3) Online Landscape เราต้องเข้าใจให้ลึกถึงโครงข่ายการค้นหาของลูกค้าในโลก Online ว่ามีการเชื่อมโยงกันอย่างไร ทั้งใน Search Engine และ Social Media ต่างๆ โดยปัจจัยทั้ง 3 นี้เราสามารถทำการวิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำโดยใช้ SERP Evolution Features ของ Pi Datemetrics ซึ่งมีพัฒนาการล้ำหน้า รู้ทัน Google ทุกการเปลี่ยนแปลง”
เทคโนโลยีอัจฉริยะ SERP Evolution Features เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลกของ Pi Datametrics ซึ่งเป็นเครื่องมืออัจฉริยะที่ช่วยวางแผนให้เว็บไซต์ก้าวสู่อันดับต้นๆ ในหน้าแรกของ Search Engines ทุกชนิดทั่วโลก ซึ่งบริษัทกีคคอน วัลเล่ย์ จำกัด ในประเทศไทย ได้รับลิขสิทธิ์ให้เป็นผู้แทนในการให้บริการแก่ทุกประเทศในภาคพื้นเอเชีย