บ้านปูทุ่มงบลงทุนปีนี้ 930ล้านเหรียญสหรัฐ เน้นลงทุนธุรกิจก๊าซฯและไฟฟ้าราว90% จ่อซื้อโรงไฟฟ้าGas to Powerที่สหรัฐฯคาดได้ข้อสรุปปีนี้ พร้อมทั้งหาพันธมิตรลุยธุรกิจเทรดดิ้งLNGเจาะตลาดเอเชีย
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด(มหาชน)(BANPU) เปิดเผยว่าในปี2563บริษัทตั้งงบลงทุนรวม 930ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนใหญ่90%ของเงินลงทุนเป็นการลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน อีก10%ลงทุนการซ่อมบำรุงในเหมืองถ่านหิน ทำให้ปีนี้บริษัทมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี(EBITDA)มาจากพลังงานสีเขียวและเทคโนโลยีพลังงาน(Greener Smarter)มากกว่า40%
ทั้งนี้ บริษัทจะปิดดีลการเข้าซื้อแหล่งก๊าซฯบาร์เนตต์ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกาในช่วงเม.ย.นี้ ใช้เงินราว 700ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้บริษัทรับรู้รายได้จากแหล่งก๊าซฯดังกล่าวทันที ซึ่งปีนี้บริษัทมีนโยบายที่สร้างSynergyของแหล่งก๊าซMarcellusกับแหล่งบาร์เนตต์ รวมทั้งมองโอกาสที่จะทำธุรกิจเทรดดิ้งก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG)เพื่อจำหน่ายในภูมิภาคเอเชีย ขณะนี้บริษัทได้มีการเจรจากับพันธมิตรที่ทำธุรกิจLNGเพื่อต่อนอดไปสู่การทำเทรดดิ้งLNGคาดว่าปีนี้จะมีความชัดเจนในด้านพันธมิตร ส่วนการทำตลาดเทรดดิ้งLNGจะใช้เวลา2-3ปีเพื่อศึกษาทำตลาดในภูมิภาคเอเชีย
ทั้งนี้ ในปีนี้บริษัทมั่นใจว่าจะพลิกกลับมามีกำไรอีกครั้งหลังจากปี2562บริษัทขาดทุนสุทธิ621ล้านบาท เนื่องจากปีนี้บริษัทมีปริมาณการผลิตและจำหน่ายถ่านหินเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งรับรู้รายได้จากแหล่งก๊าซฯจากแหล่งบาร์เนตต์เกือบ 8เดือนจากเป้าหมายรายได้ทั้งปีเฉลี่ย 400ล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้งมีกำไรจากธุรกิจไฟฟ้าหมุนเวียนใหม่เจ้าระบบเพิ่มขึ้น รวมทั้งได้รับผลดีจากค่าเงินบาท
โดยปีนี้บ้านปูจะมีกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าใหม่ที่จะจ่ายไฟเชิงพาณิชย์(COD)เพิ่ม4โครงการทั้งที่ญี่ปุ่น เวียดนามและจีน คิดเป็นกำลังการผลิต451เมกะวัตต์
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม5,300เมกะวัตต์ในปี2568
นอกจากนี้บริษัทยังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะเข้าไปซื้อกิจการโรงไฟฟ้าGas to Powerที่สหรัฐอเมริกา เนื่องจากโรงไฟฟ้าหันมาใช้ก๊าซฯในการผลิตเพิ่มมากขึ้น คาดว่าจะมีความชัดเจนในปี2563
นางสมฤดี กล่าวต่อไปว่าในปี2563 บริษัทตั้งเป้าหมายการขายถ่านหินรวม41.7ล้านตัน แบ่งเป็นออสเตรเลีย 16.2ล้านตันและอินโดนีเซีย 25.5ล้านตัน หากรวมจีนจะอยู่ที่46.7ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี2562ที่มียอดขายถ่านหินรวมจีนอยู่ที่ 41ล้านตัน โดยปีนี้บริษัทมีปริมาณการขายถ่านหินในออสเตรเลียเพิ่มขึ้นอีก5ล้านตันจากปีก่อนหลังเข้าถือหุ้นในเหมืองถ่านหินที่ออสเตรเลีย
ทั้งนี้บริษัทคาดการณ์ราคาถ่านหินในปีนี้จะเฉลี่ยอยู่ที่70เหรียญสหรัฐต่อตันจากปีที่แล้วราราถ่านหินเฉลี่ย65เหรียญสหรัฐต่อตัน โดยทันทาทำตลาดส่งออกไปยังอินเดีย บังคลาเทศ เพิ่มขึ้น โดยช่วงต้นปีนี้ธุรกิจถ่านหินในจีนได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19ทำให้กระทบด้านการขนส่งและก่อสร้างโรงไฟฟ้าซานซีลู่กวง แต่เชื่อว่าในเดือนมี.ค.นี้สถานการณ์ระบาดไวรัสโควิด-19จะคลี่คลายทำให้การขนส่งถ่านหินและการก่อสร้างโรงไฟฟ้าซานซีลู่กวงที่จีนซึ่งมั่นใจว่าจะแล้วเสร็จในปีนี้