xs
xsm
sm
md
lg

“ไพร์ม โรด เพาเวอร์” โรงไฟฟ้ากำไรสุทธิเติบโตสูงสุด ชูจุดเด่นเน็ตมาร์จิ้น 40% หนี้น้อย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“PRIME” โชว์ฟอร์มสวยเป็นหุ้นโรงไฟฟ้าที่กำไรเพิ่มขึ้นสูงสุด เตรียมเสนอโครงการโซลาร์ฟาร์มขนาดใหญ่ทั่วเอเชีย พร้อมประมูลโรงไฟฟ้าชุมชน ดันพอร์ตโตต่อเนื่อง

นายสมประสงค์ ปัญจะลักษณ์ ประธานกรรมการ บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ ‘PRIME’ ผู้ผลิตพลังงานทดแทนระดับภูมิภาค เปิดเผยว่า “บริษัทฯ มีความภูมิใจจะรายงานผลประกอบการในปี 2562 ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม 658 ล้านบาท เทียบกับรายได้รวม 747 ล้านบาทในงวดปี 2561 โดยปีนี้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 265 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัย จากผลขาดทุนสุทธิ 504 ล้านบาทในปี 2561 (ซึ่งเดิมเป็นธุรกิจกลุ่มอาหารของผู้ถือหุ้นกลุ่มอื่น) โดยปัจจุบัน PRIME มีอัตรากำไรสุทธิในปี 2562 สูงถึง 40% ซึ่งนับว่าสูงที่สุดแห่งหนึ่งในกลุ่มหุ้นโรงไฟฟ้า และมีอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (IBD/E) เพียง 0.88 เท่า โดยไม่มีหนี้สินในระดับองค์กรจึงสามารถที่จะลงทุนเพิ่มเติมเพื่อขยายกิจการได้อย่างเต็มที่”

“PRIME ตั้งเป้าหมายขยายพอร์ตการผลิตไฟฟ้า จากปัจจุบัน 287 เมกะวัตต์ เป็น 1,000 เมกะวัตต์ภายใน 4 ปี โดยคาดว่าการเติบโตจะมาจากทั้งการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนทั้งในประเทศและต่างประเทศ บริษัทฯ มุ่งเน้นประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตสูงและความต้องการพลังงานไฟฟ้าจำนวนมาก เช่น กัมพูชา ไต้หวัน เวียดนาม ลาว และมาเลเซีย โดยอาศัยจุดแข็งของบริษัท คือความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ความได้เปรียบด้านต้นทุน มีพันธมิตรธุรกิจระดับโลก และการได้รับการยอมรับในระดับสากลรวมถึงจากสถาบันการเงินระดับนานาชาติ อีกทั้งผู้บริหารของบริษัทฯ มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนกว่า 10 ปี”

ในปี 2563-2565 บริษัทฯ วางแผนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยใช้กลยุทธ์ “Go Asia” มุ่งลงทุนโซลาร์ฟาร์มในทวีปเอเชีย และ “Go Local” มุ่งพัฒนาโรงไฟฟ้าในประเทศ โดยเตรียมเข้าประมูลในโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนของกระทรวงพลังงาน ขนาดกำลังการผลิต 700 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทฯ มีความพร้อมที่จะเข้าประมูลในปีนี้ และมั่นใจว่าจะเป็นหนึ่งในผู้ชนะการประมูล โดยอาศัยประสบการณ์ความสำเร็จที่บริษัทฯ เคยชนะการประมูลโครงการโซลาร์ฟาร์มสหกรณ์ เฟส 1 และ 2 รวม 33 เมกะวัตต์

ปัจจุบัน PRIME มีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งทั้งหมดรวม 287 เมกะวัตต์ โดยจ่ายไฟแล้ว 179 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างพัฒนาและก่อสร้าง 108 มกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์นั้นอยู่ในประเทศไทยจำนวน 132.3 เมกะวัตต์ ในประเทศญี่ปุ่นจำนวน 68.2 เมกะวัตต์ ในประเทศไต้หวันจำนวน 8.5 เมกะวัตต์ และล่าสุดบริษัทฯ เตรียมลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ Solar Farm ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศกัมพูชา ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 78 เมกะวัตต์ หลังจากชนะการประมูลระดับนานาชาติซึ่งมีผู้เข้าร่วมประมูลจากทั่วโลกกว่า 100 บริษัท โดยโครงการนี้มีสัญญาจำหน่ายไฟฟ้า 60 เมกะวัตต์ ซึ่งจะก่อสร้างที่จังหวัดกัมปงชนัง และด้วยประเทศกัมพูชาเป็นหนึ่งในประเทศกำลังพัฒนาที่กำลังขยายตัวทางเศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรม และมีความต้องการพลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในปริมาณมาก ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะมีโอกาสที่จะขยายการลงทุนเพิ่มเติมในประเทศกัมพูชา

“บริษัทฯ มั่นใจว่าจะประสบผลสำเร็จในการขยายพอร์ตการผลิตไฟฟ้า จากปัจจุบัน 287 เมกะวัตต์ เป็น 1,000 เมกะวัตต์ภายใน 4 ปี โดยคาดว่าการเติบโตจะมาจากทั้งการลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศโดยอาศัยจุดแข็งของบริษัท คือ ความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ความได้เปรียบด้านต้นทุน มีพันธมิตรธุรกิจระดับโลก และการได้รับการยอมรับในระดับสากล รวมถึงจากสถาบันการเงินระดับนานาชาติ อีกทั้งผู้บริหารของบริษัทฯ มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนในไทยกว่า 10 ปี โดยในส่วนการลงทุนต่างประเทศ บริษัทฯ มุ่งเน้นประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตสูงและความต้องการพลังงานไฟฟ้าจำนวนมาก เช่น ไต้หวัน เวียดนาม ลาว และ กัมพูชา”

บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ ‘PRIME’ มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 17,017,941,757 บาท (ราคาพาร์ 1 บาทต่อหุ้น) และมีสถานะการเงินที่ดี ข้อมูลทางการเงินปี 2562 ของธุรกิจโรงไฟฟ้ามีอัตราหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเพียง 1.26 เท่า โดยมีสินทรัพย์จำนวน 5,277 ล้านบาท และหนี้สินรวม 2,940 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 2,337 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น