PSTC โตแรง กำไรปี 62 พุ่งแตะ 3,129 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,596% จากปีก่อน ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อานิสงส์งานในมือล้น รายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่ม รวมทั้งรับรู้กำไรพิเศษจากขายหุ้นบริษัทย่อย ขณะที่คณะกรรมการอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นอัตรา 0.01 บาทต่อหุ้น พร้อมจ่ายเงินสดวันที่ 29 พ.ค. 63 ฟาก "พระนาย กังวาลรัตน์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุตั้งเป้ารายได้ปี 63 โตเกิน 20% ตุน backlog 3,000 ล้านบาท ทุ่มงบลงทุน 1,000 ล้านบาท เน้นลงทุนโรงไฟฟ้า Private PPA และขายระบบก๊าซ LNG ให้กับกลุ่มอุตสาหกรรม พร้อมย้ายหุ้นเข้าเทรดใน SET ปีนี้
นายพระนาย กังวาลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PSTC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในงวดปี 2562 บริษัท และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,129 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,596% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 84.64 ล้านบาท และบันทึกกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สำหรับรายได้รวมอยู่ที่ 6,596 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 121% จากงวดเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวมเท่ากับ 2,986.65 ล้านบาท ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้ต่อหุ้น (D/E) ลดลงกว่าครึ่ง เหลือเพียง 0.48x จากเดิม 0.9x สาเหตุที่ผลการดำเนินงานปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากมีรายได้เพิ่มขึ้นในส่วนโครงการกลุ่มลูกค้าหน่วยงานราชการ และงาน EPC รายได้จากขายก๊าซธรรมชาติ และการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายไฟฟ้า ซึ่งเป็นผลจากการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าช่วงปีก่อน ขณะเดียวกันมีรายได้พิเศษจากการขายหุ้นสามัญของบริษัทไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ขณะเดียวกัน สามารถควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดปี 2562 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.01 บาท โดยจะกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 16 มี.ค. และพร้อมจ่ายเป็นเงินสดในวันที่ 29 พ.ค. 63
"การดำเนินธุรกิจในปีที่ผ่านมามีทิศทางที่ดี และจะเป็นฐานที่สำคัญช่วยให้บริษัทฯ มีการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ จากงานในมือรอรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น และการรุกขยายการลงทุนในธุรกิจต่างๆ เพื่อสร้างรายได้ประจำอย่างสม่ำเสมอ ช่วยสนับสนุนผลประกอบการในอนาคตให้มั่นคง" นายพระนายกล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวต่อว่า ในปี 2563 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตมากกว่า 20% จากปีก่อน โดยบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตไวรัสที่แพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากธุรกิจทุกกลุ่มมีสัญญาณที่ดี รวมทั้งมีงานในมือรอรับรู้รายได้ในส่วนของธุรกิจ EPC ไว้แล้วกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้อย่างต่อเนื่อง และรวมถึงมีโรงไฟฟ้าชีวภาพอยู่ระหว่างการทดสอบขนาดไฟอยู่อีก 5.6 MW และคาดว่าจะเริ่มขายไฟฟ้าได้ภายในสิ้นเดือน ก.พ.นี้
ขณะที่บริษัทเตรียมงบลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยเน้นการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้า Private PPA เพื่อสร้างรายได้และผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ปัจจุบันบริษัทฯ มีความพร้อมทั้งแหล่งเงินทุนและเทคโนโลยี รวมทั้งยังเดินหน้าลงทุนในธุรกิจด้านการจำหน่ายระบบก๊าซ LNG ให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมเพิ่มเติม
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการขอมติผู้ถือหุ้น รวมพาร์เป็นมูลค่า 0.50 บาท จาก 0.10 บาท และยื่นขอย้ายหุ้นไปซื้อขายในกระดานหลักของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จากปัจจุบันซื้อขายอยู่ใน MAI เพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจให้เติบโตแบบยั่งยืน และเปิดโอกาสให้กลุ่มนักลงทุนสถาบันชั้นนำทั้งในและต่างประเทศเข้ามาลงทุนกับบริษัทเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะดำเนินการตามขั้นตอนให้แล้วเสร็จภายในกลางปีนี้