xs
xsm
sm
md
lg

“โควิด-19” พ่นพิษอีเวนต์ชะลอเป็นแถว “อินเด็กซ์” เจอเลื่อน 6 งานใหญ่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โควิด-19 ทำอีเวนต์โคม่า ปีนี้เสี่ยงติดลบ 15% รายเล็กส่อแววปิดตัวอื้อเหตุสายป่านไม่ยาวพอ ลูกค้าตบเท้าเลื่อนจัดงานออกไปสู่ครึ่งปีหลังแทน "อินเด็กซ์" โล่งใจมีเวิลด์เอ็กซ์โป และโอนอีเวนต์ช่วยชีวิต แม้เจอเลื่อนงานไปแล้ว 6 งาน มั่นใจปีนี้รายได้ยังตามแผน 1,900 ล้านบาท

นายเกรียงกานต์ กาญจนโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถานการณ์ล่าสุดจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ณ เวลานี้คือ กลุ่มธุรกิจงานอีเวนต์, คอนเสิร์ต และงานประชุมสัมมนาระดับนานาชาติ ที่จะจัดขึ้นในไตรมาสหนึ่ง ทั้งหมดถูกเลื่อนออกไปเป็นช่วงไตรมาสสองและครึ่งปีหลังแทน โดยยังไม่พบงานที่ยกเลิกจัด แต่ทั้งนี้ต้องดูสถานการณ์กันต่อไปว่าจะไปจบที่เมื่อไหร่ แน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบต่อภาพรวมธุรกิจอีเวนต์มูลค่า 13,000 ล้านบาท ปีนี้อย่างต่ำจะติดลบ 15%

"ภาพรวมอีเวนต์ปี 2563 นี้จะตกลงแน่นอน เพราะไตรมาส 1 อีเวนต์เจอผลกระทบเต็มๆ โดยเฉพาะอีเวนต์ในเดือน มี.ค. 63 ทั้งหมดถูกเลื่อนออกไปจัดในไตรมาส 2 และ 3 แทน ซึ่งงานอีเวนต์น่าจะกลับมาอีกครั้งในช่วงไตรมาส 3 แต่ต้องดูสถานการณ์ควบคู่กันไปด้วย เพราะตอนแรกไทยควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ดี แต่ตอนนี้คนกังวลเรื่องการเดินทาง ทำให้งานอีเวนต์ต้องเลื่อนออกไป ซึ่งผู้จัดงานอีเวนต์รายใหญ่ยังคงอยู่ได้ แต่รายย่อยอาจจะกระทบหนักจนต้องปิดกิจการเพราะสายป่านไม่ยาวพอ ถูกเลื่อน-งานอาจจะอยู่ไม่ได้ ซึ่งมีแนวโน้มสูงมาก"


อย่างไรก็ตาม จากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบในหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น ท่องเที่ยว, โรงแรม, ร้านอาหาร, เอเยนซีด้านมาร์เกตติ้งและโฆษณา รวมถึงกลุ่มธุรกิจอีเวนต์ของช่วงไตรมาส 1 โดยเฉพาะอีเวนต์และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศ แต่หากภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ คาดว่าครึ่งปีหลังน่าจะมีทิศทางดีขึ้น เนื่องจากประเทศไทยถือว่ามีมาตรการป้องกันและแก้ไขการระบาดได้เป็นอย่างดีมาโดยตลอดเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ซึ่งงานอีเวนต์ที่น่าจะฟื้นกลับมาเร็วที่สุดในครึ่งปีหลัง คือ อีเวนต์ท่องเที่ยว โดยเฉพาะท่องเที่ยวในประเทศ ที่ภาครัฐจะอัดเงินมากระตุ้นภาคการท่องเที่ยวทั้งในประเทศ และเรียกความมั่นใจจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศกลับคืนมา

นายเกรียงกานต์กล่าวต่อว่า ในส่วนของบริษัทเองนั้นมีงานที่จะจัดขึ้นในเดือน มี.ค.ถูกเลื่อนออกไปจัดช่วงไตรมาส 2 และ 3 รวม 6 งาน ส่วนใหญ่เป็นงานประชุมสัมมนา เช่น งานเทรดโชว์ที่เซี่ยงไฮ้ เลื่อนไปจัดเดือน ส.ค.นี้แทน และงานประชุม AOT ที่เชียงใหม่ เลื่อนไปจัดเดือน มิ.ย.นี้แทน แต่เมื่อมองในภาพรวมแล้วบริษัทยังคงมั่นใจว่าปี 2563 นี้จะมีรายได้ตามแผนที่วางไว้ เนื่องจากมีช่องทางธุรกิจและบริการที่หลากหลาย ไม่ใช่การจัดอีเวนต์เพียงอย่างเดียว และยังมีงานที่รับรู้รายได้แน่นอน เช่น “World Expo 2020 Dubai” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 ตุลาคม 2563 ถึง 10 เมษายน 2564 ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2563 อยู่ที่ 1,900 ล้านบาท โตขึ้น 6-10% โดยมีงานอีเวนต์ที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ตลอดทั้งปีนี้ มูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท ทำให้มั่นใจว่าในปีนี้รายได้จะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน คาดการณ์ด้านผลประกอบการจะเติบโตสูงถึง 6-10%


อย่างไรก็ตาม ปีนี้บริษัทเข้าสู่การดำเนินงานปีที่ 30 ได้ทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท จัดงาน INDEX CREATIVE VILLAGE OPEN HOUSE 2020 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Born to be Creator” โชว์ศักยภาพงานครีเอทีฟของไทย โดยงานนี้เป็นงานแสดงครีเอทีฟไอเดีย ด้วยเทคโนโลยีระบบภาพ แสง เสียง และมัลติมีเดียที่ทันสมัยที่ใช้ในงานอีเวนต์ระดับโลก นำมาผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งสิ่งที่ลูกค้าต้องการมากที่สุดในตอนนี้ ได้แก่ 1. 3D INDOOR DRONE ครั้งแรกของประเทศไทย กับการแสดงโดรนในรูปแบบ 3 มิติ ภายในพื้นที่จำกัด ที่ต้องอาศัยความชำนาญ รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบ ตลอดจนกำหนดลีลาการเคลื่อนไหวให้สอดคล้องกับการแสดงเหมือนว่าโดรนมีชีวิต

2. IMMERSIVE ART THEATRE ที่สุดของ Projection Mapping ในรูปแบบ 360 องศา ผ่านการแสดงมัลติมีเดียอาร์ตระดับโลก เป็นการผสมผสานกันที่ลงตัวระหว่างศิลปะกับเทคโนโลยี แสง สี เสียง ที่ให้ความละเอียด คมชัด ล่าสุดบนพื้นที่สูงกว่า 10 เมตร 3. ILLUMINATION SHOWCASE การแสดง Lighting Installation รูปแบบใหม่ ที่เชื่อมต่อดิจิทัล อาร์ต มิวสิก และเทคโนโลยี เข้าไว้ด้วยกัน และ 4. WORLD EXPO EXPERIENCES สัมผัสประสบการณ์นิทรรศการระดับโลก โดยใช้เทคโลยีล่าสุดในการบอกเล่าเรื่องราวในทุกแง่มุมของ WORLD EXPO จากอดีตถึงปัจจุบัน








กำลังโหลดความคิดเห็น