การตลาด – ผลพวงจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ กระทบตลาดโลกเป็นโดมิโนรวมทั้งจีนด้วย “เลิศ โกลบอล กรุ๊ป” เผยสถานการณ์ไวรัสโคโรน่าระบาด อาจลากยาวถึงกลางปี กระทบหนักธุรกิจเผย 4 ธุรกิจสบช่องโตและ 4 ธุรกิจเดี้ยง
การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ใหม่ หรือ โควิด-19 ในจีนและทั่วโลกขณะนี้ กลายเป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตและปัญหาทางด้านสาธารณสุขรวมทั้งเศรษฐกิจของโลกอย่างหนักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งมีทั้งมากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่
นายสุวัฒน์ รักทองสุข ซีอีโอ บริษัท เลิศ โกลบอล กรุ๊ป จำกัด ผู้ให้บริการด้านการตลาดและดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งจีนครบวงจร (One stop service for China Market) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 ในประเทศจีนในขณะนี้ หลายมณฑลของจีนได้รับผลกระทบ รัฐบาลจีนได้ประกาศขยายระยะเวลาของวันหยุดเทศกาลตรุษจีน ซึ่งในช่วงนี้แต่ละบริษัทจะเน้นให้พนักงานทำงานที่บ้านเป็นหลัก เพื่อควบคุมและป้องกันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค คาดการณ์ว่าในช่วงเดือนมีนาคมหรือเมษายน สถานการณ์ต่างๆ ถึงจะเริ่มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
“จากประสบการณ์ที่จีนเคยประสบกับสถานการณ์การรับมือไวรัสซาส์ที่ผ่านมาในปี 2003 นั้น พบว่าระยะเวลาที่สามารถควบคุมโรคและสถานการณ์ต่างๆ ได้นั้นจะใช้เวลาโดยประมาณครึ่งปี สถานการณ์จึงจะเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ” นายสุวัฒน์กล่าว
อย่างไรก็ดี การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีนครั้งนี้ นอกจากสร้างความปั่นป่วนและวุ่นวายแก่ระบบการคมนาคมขนส่งสาธารณะ การบริโภคของครัวเรือนแล้ว ยังส่งผลให้ภาคธุรกิจ สถาบันการเงิน ตลอดจนสถาบันการศึกษาทุกแห่งในจีนต้องเลื่อนเปิดดำเนินการออกไปจนกว่าสถานการณ์แพร่ระบาดจะอยู่ในขั้นพ้นขีดอันตราย ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีน และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคทั้งทางตรงและทางอ้อม
โดยประเภทธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงในระดับสูงของจีนแบ่งตามประเภทธุรกิจได้แก่
1.ธุรกิจการท่องเที่ยว รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการประกาศระงับการเดินทางของกรุ๊ปทัวร์จีนออกนอกประเทศทั่วโลก โดยตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม – 1 กุมภาพันธ์ 2563 จำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ถูกยกเลิก มากกว่า 7,500 เที่ยวบิน จากข้อมูลของ Ctrip (บริษัทจัดการท่องเที่ยวออนไลน์อันดับ 1 ของจีน) พบว่ายอดจองตั๋วเครื่องบินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยรวม ลดลง 1.4% ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาประเทศไทย มีอัตราลดลงมากกว่า 80%
2. ธุรกิจร้านอาหารในจีน พบว่าหลังประสบกับปัญหาการระบาดของไวรัสโคโรน่า พบว่าจำนวนลูกค้าและยอดขายของร้านอาหารในประเทศจีนมีอัตราลดลงมากกว่า 90%
3. ธุรกิจโรงภาพยนตร์ ในทุกปีช่วงเทศกาลตรุษจีนหรือปีใหม่จีนนั้น จะเป็นช่วงที่โรงภาพยนตร์สามารถทำยอดขายและผลกำไรได้มากที่สุดในแต่ละปี แต่ในปีนี้เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ Market value ของบริษัทภาพยนตร์ได้ลดลงไปมากกว่า 2 หมื่นล้านหยวน โดยพบว่ารายได้จากการจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์ในวันแรกของเทศกาลตรุษจีนปีนี้ มีรายได้จากการจำหน่ายตั๋วอยู่ที่ 1 ล้านหยวน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มีรายได้สูงถึง 1,400 ล้านหยวน
4. ธุรกิจห้างสรรพสินค้า พบว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าที่รุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้ร้านค้าต่างๆ ในห้างสรรพสินค้าจีน มียอดขายและรายรับที่ลดลงค่อนข้างมาก ซึ่งในปัจจุบัน ห้างสรรพสินค้าแต่ละแห่งในจีน ได้เริ่มทยอยออกนโยบายยกเลิกค่าเช่าของร้านค้าในห้างสรรพสินค้าเฉพาะช่วงเวลา
แม้ว่าจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ในประเทศจีนได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อหลายธุรกิจในจีน แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีอีกหลายประเภทธุรกิจที่ได้มีโอกาสมากยิ่งขึ้น โดยสามารถจำแนกประเภทธุรกิจ ดังต่อไปนี้
1.ธุรกิจภาพยนตร์ออนไลน์ แม้ว่าธุรกิจโรงภาพยนตร์จะได้รับผลกระทบโดยตรงเป็นอย่างมาก แต่ในทางตรงกันข้ามธุรกิจภาพยนตร์ออนไลน์กลับได้รับโอกาสและผลประโยชน์ที่มากขึ้น ตัวอย่างเช่น ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง “Lost in Thailand” ได้ขายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ให้กับบริษัท ByteDance (ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Tiktokและ Headlinenews) ในราคา 6.5 ร้อยล้านหยวน นอกจากนี้แพลตฟอร์มอื่นของจีน เช่น IQIYI ได้ซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ที่เดิมวางแผนจะฉายในโรงภาพยนตร์ ได้เปลี่ยนเป็นฉายผ่านทางช่องทางออนไลน์แทน
2.ธุรกิจเกมส์ออนไลน์ ถือเป็นอีกหนึ่งประเภทธุรกิจที่ได้รับผลประโยชน์ที่
มากขึ้นจากสถานการณ์นี้ ตัวอย่างเช่น เกมส์ Honor of King (王者荣耀) หรือที่รู้จักในชื่อ Arena of Valor (ROV ในไทย) ที่ได้รับรายได้มากที่สุดในช่วงวันไหว้ของเทศกาลตรุษจีน สูงถึง 3,000 ล้านหยวน ซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์เกมส์
3.ธุรกิจ E-Commerce การแพร่ระบาดของไวรัสและมาตรการควบคุมต่างๆ ของรัฐบาลจีน ส่งผลให้ประชากรจีนมีการเดินทางออกนอกบ้านน้อยลง เวลาที่ต้องการซื้อสินค้าหรือช็อปปิ้ง จะเลือกซื้อสินค้าออนไลน์เป็นอันดับแรก ตัวอย่างเช่น “Freshhema(盒马)” เป็นแพลตฟอร์มที่ลูกค้าสามารถเลือกซื้อของหรือวัตถุดิบสดได้ผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลักก็มีการเติบโตที่ดี
4.ธุรกิจ Delivery ถือเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่มีการเติบโตค่อนข้างมากในช่วงเหตุการณ์การระบาดของโรคนี้ โดยมีจำนวนออเดอร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ปัจจุบันกำลังประสบกับปัญหาขาดแคลนกำลังคนและเรื่องการจำกัดการเดินทาง
“จะเห็นได้ว่าจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรน่าในครั้งนี้ ล้วนมีผลโดยตรงกับธุรกิจที่มีการให้บริการระหว่างบุคคลอย่างใกล้ชิด (Face to Face) ได้แก่ ธุรกิจออฟไลน์ประเภทต่างๆ แต่ในทางตรงกันข้ามในช่วงวิกฤตินี้ กลับกลายเป็นโอกาสให้กับธุรกิจบางประเภท โดยเฉพาะธุรกิจออนไลน์ ที่มีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางที่มีการเติบโตมากขึ้นจากเดิม และถือเป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ประกอบการ ในการทำตลาดเพื่อเจาะเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคชาวจีนแบบถึงประตูบ้านกันเลยทีเดียว” นายสุวัฒน์กล่าวทิ้งท้าย
อย่างไรก็ตาม การทำตลาดของผู้ประกอบการไทยในจีน คงต้องมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินถึงช่องทางและวิธีการดำเนินการรับมือต่างๆเพื่อให้ทันท่วงที เพราะมีสินค้าจากไทยจำนวนไม่น้อยที่เข้าไปทำตลาดในจีนด้วยช่องทางออนไลน์
นายสุวัฒน์เคยกล่าวก่อนหน้านี้ ว่า แม้ว่าจีนจะเป็นตลาดที่ใหญ่โตมีประชากรมากมายมหาศาล เป็นโอกาสทางการตลาดมากมายก็ตาม แต่ในทางกลับกัน ด้วยความที่เป็นพื้นที่ใหญ่ และประชากรมากมายนั้นเอง ในอีกมุมหนึ่งก็มีความหลากหลายในด้านของพฤติกรรมและความต้องการ รวมทั้งความแตกต่างแต่ละพื้นที่แต่ละมณฑล ด้วย ไม่ใช่ว่า ตลาดใหญ่มีประชากรมากจะทำให้เราประสบความสำเร็จได้
ยิ่งมาเจอกับปัญหาโควิด-19 ด้วยแล้ว ยิ่งต้องระมัดระวังมากขึ้น .
การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ใหม่ หรือ โควิด-19 ในจีนและทั่วโลกขณะนี้ กลายเป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตและปัญหาทางด้านสาธารณสุขรวมทั้งเศรษฐกิจของโลกอย่างหนักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งมีทั้งมากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่
นายสุวัฒน์ รักทองสุข ซีอีโอ บริษัท เลิศ โกลบอล กรุ๊ป จำกัด ผู้ให้บริการด้านการตลาดและดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งจีนครบวงจร (One stop service for China Market) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 ในประเทศจีนในขณะนี้ หลายมณฑลของจีนได้รับผลกระทบ รัฐบาลจีนได้ประกาศขยายระยะเวลาของวันหยุดเทศกาลตรุษจีน ซึ่งในช่วงนี้แต่ละบริษัทจะเน้นให้พนักงานทำงานที่บ้านเป็นหลัก เพื่อควบคุมและป้องกันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค คาดการณ์ว่าในช่วงเดือนมีนาคมหรือเมษายน สถานการณ์ต่างๆ ถึงจะเริ่มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
“จากประสบการณ์ที่จีนเคยประสบกับสถานการณ์การรับมือไวรัสซาส์ที่ผ่านมาในปี 2003 นั้น พบว่าระยะเวลาที่สามารถควบคุมโรคและสถานการณ์ต่างๆ ได้นั้นจะใช้เวลาโดยประมาณครึ่งปี สถานการณ์จึงจะเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ” นายสุวัฒน์กล่าว
อย่างไรก็ดี การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีนครั้งนี้ นอกจากสร้างความปั่นป่วนและวุ่นวายแก่ระบบการคมนาคมขนส่งสาธารณะ การบริโภคของครัวเรือนแล้ว ยังส่งผลให้ภาคธุรกิจ สถาบันการเงิน ตลอดจนสถาบันการศึกษาทุกแห่งในจีนต้องเลื่อนเปิดดำเนินการออกไปจนกว่าสถานการณ์แพร่ระบาดจะอยู่ในขั้นพ้นขีดอันตราย ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีน และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคทั้งทางตรงและทางอ้อม
โดยประเภทธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงในระดับสูงของจีนแบ่งตามประเภทธุรกิจได้แก่
1.ธุรกิจการท่องเที่ยว รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการประกาศระงับการเดินทางของกรุ๊ปทัวร์จีนออกนอกประเทศทั่วโลก โดยตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม – 1 กุมภาพันธ์ 2563 จำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ถูกยกเลิก มากกว่า 7,500 เที่ยวบิน จากข้อมูลของ Ctrip (บริษัทจัดการท่องเที่ยวออนไลน์อันดับ 1 ของจีน) พบว่ายอดจองตั๋วเครื่องบินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยรวม ลดลง 1.4% ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาประเทศไทย มีอัตราลดลงมากกว่า 80%
2. ธุรกิจร้านอาหารในจีน พบว่าหลังประสบกับปัญหาการระบาดของไวรัสโคโรน่า พบว่าจำนวนลูกค้าและยอดขายของร้านอาหารในประเทศจีนมีอัตราลดลงมากกว่า 90%
3. ธุรกิจโรงภาพยนตร์ ในทุกปีช่วงเทศกาลตรุษจีนหรือปีใหม่จีนนั้น จะเป็นช่วงที่โรงภาพยนตร์สามารถทำยอดขายและผลกำไรได้มากที่สุดในแต่ละปี แต่ในปีนี้เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ Market value ของบริษัทภาพยนตร์ได้ลดลงไปมากกว่า 2 หมื่นล้านหยวน โดยพบว่ารายได้จากการจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์ในวันแรกของเทศกาลตรุษจีนปีนี้ มีรายได้จากการจำหน่ายตั๋วอยู่ที่ 1 ล้านหยวน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มีรายได้สูงถึง 1,400 ล้านหยวน
4. ธุรกิจห้างสรรพสินค้า พบว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าที่รุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้ร้านค้าต่างๆ ในห้างสรรพสินค้าจีน มียอดขายและรายรับที่ลดลงค่อนข้างมาก ซึ่งในปัจจุบัน ห้างสรรพสินค้าแต่ละแห่งในจีน ได้เริ่มทยอยออกนโยบายยกเลิกค่าเช่าของร้านค้าในห้างสรรพสินค้าเฉพาะช่วงเวลา
แม้ว่าจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ในประเทศจีนได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อหลายธุรกิจในจีน แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีอีกหลายประเภทธุรกิจที่ได้มีโอกาสมากยิ่งขึ้น โดยสามารถจำแนกประเภทธุรกิจ ดังต่อไปนี้
1.ธุรกิจภาพยนตร์ออนไลน์ แม้ว่าธุรกิจโรงภาพยนตร์จะได้รับผลกระทบโดยตรงเป็นอย่างมาก แต่ในทางตรงกันข้ามธุรกิจภาพยนตร์ออนไลน์กลับได้รับโอกาสและผลประโยชน์ที่มากขึ้น ตัวอย่างเช่น ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง “Lost in Thailand” ได้ขายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ให้กับบริษัท ByteDance (ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Tiktokและ Headlinenews) ในราคา 6.5 ร้อยล้านหยวน นอกจากนี้แพลตฟอร์มอื่นของจีน เช่น IQIYI ได้ซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ที่เดิมวางแผนจะฉายในโรงภาพยนตร์ ได้เปลี่ยนเป็นฉายผ่านทางช่องทางออนไลน์แทน
2.ธุรกิจเกมส์ออนไลน์ ถือเป็นอีกหนึ่งประเภทธุรกิจที่ได้รับผลประโยชน์ที่
มากขึ้นจากสถานการณ์นี้ ตัวอย่างเช่น เกมส์ Honor of King (王者荣耀) หรือที่รู้จักในชื่อ Arena of Valor (ROV ในไทย) ที่ได้รับรายได้มากที่สุดในช่วงวันไหว้ของเทศกาลตรุษจีน สูงถึง 3,000 ล้านหยวน ซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์เกมส์
3.ธุรกิจ E-Commerce การแพร่ระบาดของไวรัสและมาตรการควบคุมต่างๆ ของรัฐบาลจีน ส่งผลให้ประชากรจีนมีการเดินทางออกนอกบ้านน้อยลง เวลาที่ต้องการซื้อสินค้าหรือช็อปปิ้ง จะเลือกซื้อสินค้าออนไลน์เป็นอันดับแรก ตัวอย่างเช่น “Freshhema(盒马)” เป็นแพลตฟอร์มที่ลูกค้าสามารถเลือกซื้อของหรือวัตถุดิบสดได้ผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลักก็มีการเติบโตที่ดี
4.ธุรกิจ Delivery ถือเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่มีการเติบโตค่อนข้างมากในช่วงเหตุการณ์การระบาดของโรคนี้ โดยมีจำนวนออเดอร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ปัจจุบันกำลังประสบกับปัญหาขาดแคลนกำลังคนและเรื่องการจำกัดการเดินทาง
“จะเห็นได้ว่าจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรน่าในครั้งนี้ ล้วนมีผลโดยตรงกับธุรกิจที่มีการให้บริการระหว่างบุคคลอย่างใกล้ชิด (Face to Face) ได้แก่ ธุรกิจออฟไลน์ประเภทต่างๆ แต่ในทางตรงกันข้ามในช่วงวิกฤตินี้ กลับกลายเป็นโอกาสให้กับธุรกิจบางประเภท โดยเฉพาะธุรกิจออนไลน์ ที่มีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางที่มีการเติบโตมากขึ้นจากเดิม และถือเป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ประกอบการ ในการทำตลาดเพื่อเจาะเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคชาวจีนแบบถึงประตูบ้านกันเลยทีเดียว” นายสุวัฒน์กล่าวทิ้งท้าย
อย่างไรก็ตาม การทำตลาดของผู้ประกอบการไทยในจีน คงต้องมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินถึงช่องทางและวิธีการดำเนินการรับมือต่างๆเพื่อให้ทันท่วงที เพราะมีสินค้าจากไทยจำนวนไม่น้อยที่เข้าไปทำตลาดในจีนด้วยช่องทางออนไลน์
นายสุวัฒน์เคยกล่าวก่อนหน้านี้ ว่า แม้ว่าจีนจะเป็นตลาดที่ใหญ่โตมีประชากรมากมายมหาศาล เป็นโอกาสทางการตลาดมากมายก็ตาม แต่ในทางกลับกัน ด้วยความที่เป็นพื้นที่ใหญ่ และประชากรมากมายนั้นเอง ในอีกมุมหนึ่งก็มีความหลากหลายในด้านของพฤติกรรมและความต้องการ รวมทั้งความแตกต่างแต่ละพื้นที่แต่ละมณฑล ด้วย ไม่ใช่ว่า ตลาดใหญ่มีประชากรมากจะทำให้เราประสบความสำเร็จได้
ยิ่งมาเจอกับปัญหาโควิด-19 ด้วยแล้ว ยิ่งต้องระมัดระวังมากขึ้น .