สถาบันอัญมณีฯ ผลักดันใช้ “บล็อกเชน” ติดตามแหล่งที่มาของ “พลอยสี” หวังสร้างความเชื่อมั่นให้อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทย และตอบสนองความต้องการทางการค้าที่เปลี่ยนแปลงไป
นางดวงกมล เจียมบุตร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือจีไอที เปิดเผยว่า ขณะนี้จีไอทีมีแผนที่จะผลักดันให้มีการนำระบบเทคโนโลยีที่ใช้ในการบันทึกและติดตามข้อมูลต่างๆ หรือบล็อกเชน มาใช้สำหรับการติดตามแหล่งที่มาของพลอยสี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทย ทั้งในส่วนของผู้ซื้อ ผู้ขาย ผู้ประกอบการ ที่จะสามารถตรวจสอบได้ว่าพลอยสีที่อยู่บนเครื่องประดับนั้นๆ มีแหล่งที่มาที่ไปอย่างไร ซึ่งถือเป็นการพัฒนาอุตสาหกรรมไปอีกระดับหนึ่งเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์การค้าที่เปลี่ยนแปลงไป
“ปัจจุบันหลายๆ อุตสาหกรรมเริ่มนำระบบบล็อกเชนมาใช้เพื่อตรวจสอบย้อนกลับไปถึงวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต หรืออย่างในอุตสาหกรรมเพชรและพลอยสีในต่างประเทศก็มีระบบการตรวจสอบที่มาของวัตถุดิบแล้ว หรือในกลุ่มเครื่องประดับแบรนด์เนมก็ได้มีการเพิ่มแรงกดดันต่อที่มาของวัตถุดิบ เพื่อให้แน่ใจว่ามีการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม แต่ในส่วนของอุตสาหกรรมพลอยสีของไทย ยังถือเป็นความท้าทายและยากลำบากในเรื่องการระบุที่มาของวัตถุดิบ เพราะวัตถุดิบส่วนใหญ่กว่า 80% มาจากการทำเหมืองแร่แบบดั้งเดิมหรือเหมืองขนาดเล็ก ทำให้ไม่สามารถระบุและแสดงแหล่งที่มาได้ แต่ถ้านำระบบบล็อกเชนมาใช้ก็จะช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ โดยกำลังศึกษาและหารือร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องว่าควรจะเริ่มระบุที่มากันตรงจุดไหนเพื่อนำร่องให้ได้ก่อน” นางดวงกมลกล่าว
สำหรับการผลักดันการนำบล็อกเชนมาใช้ในการติดตามพลอยสีนั้น ล่าสุดจีไอทีได้ร่วมมือกับบริษัท โบลลิเกอร์ แอนด์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด หาคำตอบให้ประเด็นนี้อย่างจริงจัง โดยได้ศึกษาแนวทางและวิธีการของระบบติดตามแหล่งที่มาของอัญมณีในปัจจุบัน แนวโน้มการใช้เทคโนโลยีในการสนับสนุนการสร้างความเชื่อมั่นในแหล่งที่มาของอัญมณีและเครื่องประดับในตลาด ตลอดจนปัจจัยท้าทายต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทย เนื่องจากห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมพลอยสีนั้นค่อนข้างยาว มีผู้เล่นจำนวนมาก มีความซับซ้อนสูง และกระจัดกระจาย ส่งผลให้การสร้างความเชื่อมั่นผ่านการวางระบบติดตามแหล่งที่มาของพลอยสีในตลาดมีความท้าทายมากกว่าในอุตสาหกรรมอื่นๆ
