ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม การค้า การท่องเที่ยว และภาคส่วนอื่นๆไปทั่วโลก #โคโรน่า #โคโรน่าไวรัส #Covid19 #CleaningVirus #CleaningRobot #หุ่นยนต์ทำความสะอาด
เรียกได้ว่าเป็นยุคที่ผู้คนกลัวการติดเชื้อโรค ที่อาจแพร่กระจายมาจากในอากาศ หรือเชื้อโรคที่อาจตกค้างอยู่ตามห้องหรือในสถานที่ต่างๆ มีนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์และลดการเสี่ยงต่อการติดเชื้อโคโรน่าไวรัส
นางสาวสุกัญญา วนิชจักร์วงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เพื่อช่วยความเสี่ยงจากกรณีดังกล่าว บริษัทได้นำเทคโนโลยีหุ่นยนต์ทำความสะอาดและหุ่นยนต์ส่งของเข้ามา เพื่อตอบรับกับกระแสความต้องการลดการสัมผัสเชื้อโรคของมนุษย์ โดยหุ่นยนต์นี้ถือได้ว่าเป็น Service Robot ที่ได้มาตรฐาน เพื่อนำมาทดแทนการใช้คนในงานบริการต่างๆ
สำหรับหุ่นยนต์บริการนี้มีฟังก์ชั่นการใช้งานทั้งแบบ Delivery Robot หรือหุ่นยนต์สำหรับส่งของ ซึ่งสามารถไปส่งอาหารตามห้องพักหรือห้องผู้ป่วย และ Cleaning Robot หรือหุ่นยนต์ทำความสะอาด ที่สามารถใช้ทำความสะอาดแทนแรงงานคนได้จำนวนมาก
หุ่นยนต์ที่นำเข้ามานี้มีหลายรุ่นเช่น M40 , M50 , M75 ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ขนาดเล็ก สามารถใช้แทนแรงงานมนุษย์ 5-6 คน ไปจนถึงหุ่นยนต์ขนาดใหญ่ และ Delivery Robot สามารถใช้แทนแรงงานคนได้จำนวนหลายสิบคน ซึ่งในท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปัจจุบัน หุ่นยนต์นั้นนับได้ว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนค่าแรงงานคน สามารถทำงานได้คงที่ กำลังไม่ถดถอยแบบแรงงานคน ในขณะที่แรงงานคนอาจจะต้องทำงานทั้งกวาด ล้างน้ำ เช็ดถูทำความสะอาด และเป่าแห้ง แต่หุ่นยนต์สามารถทำงานได้ทั้ง 4 ฟังก์ชั่นในเวลาเดียว ทั้งประหยัดเวลา และทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ นับได้ว่าเป็น Smarttec Cleaning
หุ่นยนต์สามารถช่วยแก้ปัญหา การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของแม่บ้าน ค่าแรงขั้นต่ำที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี การไม่สามารถควบคุมมาตรฐานงานทำความสะอาดได้ ปัญหาขาดแคลนแรงงาน ความรวดเร็วในการทำความสะอาด ซึ่งการใช้หุ่นยนต์นั้นนับว่ามีมาตรฐานสูง มีการรายงานผลการทำความสะอาดที่เชื่อถือได้ ต้นทุนค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผล ลดค่าใช้จ่าย สามารถทำงานได้หลายอย่างในเวลาเดียวกัน และลดเวลาในการทำงาน
การใช้งาน ECOBOT ในต่างประเทศ มีกว่า 15 ประเทศทั่วโลก , มากกว่า 300 สถานที่และมากกว่า 50,000 กม. ที่ ECOBOT ได้ถูกนำไปใช้งาน สามารถปรับโหมดหุ่นยนต์ทำความสะอาดได้ทั้งแบบอัตโนมัติหรือแบบแมนนวล เข้าถึงหุ่นยนต์ของคุณและรายงานได้ทุกที่ผ่าน cloud dashboard ใช้งานแบตเตอรี่ได้นาน 6 ชั่วโมงต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง ความสามารถในการเข้าถึงขอบและมุมได้ถึง 8 ซม. จากผนัง ประหยัดน้ำได้มากถึง 40% ด้วยระบบการกรอง 4 ขั้นตอน
โดยในการใช้งานนั้นแม่บ้านสามารถควบคุมหุ่นยนต์ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ยุ่งยาก และมีต้นทุนค่าแหล่งพลังงานต่ำมาก เนื่องจากหุ่นยนต์ที่นำเข้ามานี้ถือเป็น ECOBOT ไม่เปลืองการชาร์จไฟ และเมื่อพลังงานในหุ่นใกล้หมด หุ่นก็จะวิ่งกลับเข้ามาชาร์จตัวเองได้อย่างไม่ยุ่งยาก
ขณะที่หุ่นยนต์ส่งอาหารนี้ นับได้ว่ามีบทบาทสำคัญมากในยุคปัจจุบัน เช่นกรณีของไวรัสโคโรน่า ผู้นำส่งอาหารก็ไม่ต้องการเข้าไปใกล้ชิดผู้ป่วยมากนัก แต่เมื่อมีหุ่นยนต์ส่งอาหาร จะสามารถเข้าถึงผู้ป่วยได้โดยไม่ต้องกังวลการติดโรค
ขณะที่สถานการณ์ในแต่ละปีก็จะมีโรคไวรัสสายพันธุ์ใหม่ๆเกิดขึ้นเรื่อยๆ การนำหุ่นยนต์มาใช้ถือเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อโรคระหว่างคนสู่คนลงไปได้มาก
ปัจจุบันบริษัทกำลังอยู่ระหว่างการทำตลาดโดยมีเป้าหมายการจำหน่ายในปีแรกประมาณ 70-100 ตัว โดยหุ่นยนต์นี้เหมาะกับการใช้ทำความสะอาดในคอนโดมิเนียม ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล ที่ทำการรัฐบาล(ศูนย์ราชการ) สนามบิน โรงเรียนนานาชาติขนาดใหญ่ บริษัทธุรกิจขนาดใหญ่ เป็นต้น
“กระแสการตอบรับของเราค่อนข้างดี มีกลุ่มลูกค้าประเภทที่พักอาศัย ที่มีพื้นที่ส่วนกลางขนาด 3-4 หมื่นตารางเมตร เข้าไปใช้งานแล้ว และช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าอย่างมาก เพราะลดกำลังแรงงานคนไปจำนวนมาก และสามารถทำความสะอาดได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่ความปลอดภัยสูง เพราะหุ่นยนต์ใช้เซนเซอร์ในการควบคุม” นางสาวสุกัญญากล่าว
ทั้งนี้บริษัทนับเป็นเจ้าแรกในการนำหุ่นยนต์ทำความสะอาดขนาดใหญ่มาใช้ในเมืองไทย เพราะก่อนหน้านี้รายอื่นเป็นการนำหุ่นยนต์ทำความสะอาดขนาดเล็กๆมาใช้งานเท่านั้น
ผู้สนใจติดต่อได้ที่ 02-502-6000 และ 092-478-6478 https://www.onetoonecontacts.com/