“พาณิชย์” เผยล่าสุดมีผู้ขอส่งออกหน้ากากอนามัยรวม 25 ล้านชิ้น เบรกแล้วทุกราย แต่พบพวกหัวหมอใช้ช่องแอบส่งออกน้อยกว่า 500 ชิ้น ส่วนเคสขอส่งออกชนิดพิเศษจะพิจารณาเป็นรายไป แต่ต้องผลิตเพิ่มให้เท่ากับที่ขอส่งออก ลั่นจับพวกโก่งราคาแล้ว 20 ราย ปรับไม่ปิดป้าย 6 ราย ส่วนทางเฟซบุ๊กจับได้รายแรกส่งดำเนินคดีทันที ระบุหน่วยราชการไทยในต่างประเทศ รัฐบาลเพื่อนบ้าน ติดต่อขอซื้อจำนวนมาก หลังหลายประเทศห้ามส่งออก
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้ส่งออกมาขออนุญาตส่งออกหน้ากากอนามัยตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ที่กำหนดให้ผู้จะส่งออกตั้งแต่ 500 ชิ้นขึ้นไปต้องมาขออนุญาตต่อกรมฯ ก่อน มีจำนวนมากถึง 25 ล้านชิ้น ซึ่งกรมฯ ยังไม่ได้อนุญาตให้มีการส่งออกแต่อย่างใด เพราะต้องการให้มีใช้ในประเทศอย่างเพียงพอก่อน แต่ได้ข่าวว่ามีผู้ค้า ผู้ส่งออกบางราย อาศัยช่องว่างของประกาศ กกร. ส่งออกหน้ากากอนามัยในจำนวนที่น้อยกว่ากำหนด เช่น ส่งออกครั้งละ 450 ชิ้น จึงทำให้สถานการณ์ของหน้ากากอนามัยในประเทศยังไม่คลี่คลาย แต่ปัจจุบันสามารถหาซื้อได้มากขึ้น และง่ายขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมา หลังจากที่กรมฯ ได้เข้าไปบริหารจัดการ โดยนำหน้ากากอนามัยจากผู้ผลิตกระจายให้หน่วยงานที่จำเป็นต้องใช้ เช่น โรงพยาบาลผ่านองค์การเภสัชกรรม การบินไทย สมาคมร้านขายยา และกระจายผ่านร้านธงฟ้ากว่า 800 แห่งทั่วประเทศ
ส่วนกรณีการขออนุญาตส่งออกหน้ากากอนามัยชนิดพิเศษ เช่น ใช้โรงงานอุตสาหกรรม ใช้ป้องกันสารเคมีและวัตถุอันตราย หรือใช้ทางการแพทย์บางชนิดที่ไม่ใช้ในไทย กรมฯ จะพิจารณาเป็นรายๆ ไป และหากมีการอนุญาตให้ส่งออกได้ ผู้ส่งออกจะต้องทำตามเงื่อนไขที่กำหนด เช่น ขอส่งออกจำนวนเท่าไร ต้องผลิตหน้ากากอนามัยชนิดธรรมดาที่ใช้ป้องกันเชื้อโรคในจำนวนเท่ากันสำหรับขายในประเทศ เพื่อให้มีหน้ากากอนามัยใช้อย่างเพียงพอ
นายวิชัยกล่าวว่า สำหรับการขายหน้ากากอนามัยราคาสูงเกินจริง กรมฯ ได้ส่งสายตรวจออกไปตรวจสอบวันละ 10 สาย สามารถจับกุมผู้ค้าที่ขายในราคาสูงเกินจริงแล้ว 20 ราย เป็นกรุงเทพฯ และปริมณฑล 16 ราย และต่างจังหวัดอีก 4 ราย ซึ่งได้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังเปรียบเทียบปรับผู้ค้าที่ไม่ปิดป้ายแสดงราคาอีก 6 ราย และอยากขอความร่วมมือประชาชน ที่แจ้งเบาะแสผ่านสายด่วน 1569 ขอให้ระบุตัวตนผู้กระทำผิดให้ชัดเจน เช่น ชื่อร้านค้า ที่ตั้งร้านค้า หรือชื่อเว็บไซต์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ง่ายขึ้น
นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กองตรวจสอบและปฏิบัติการได้ตรวจสอบการจำหน่ายหน้ากากอนามัยทางออนไลน์ พบผู้ขายผ่านเฟซบุ๊กรายหนึ่ง จำหน่ายหน้ากากอนามัยแบบธรรมดา ราคาชิ้นละ 14 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการล่อซื้อจำนวน 29 กล่อง (กล่องละ 50 ชิ้น) รวมเป็น 1,450 แผ่น เป็นเงินจำนวน 20,300 บาท โดยได้นัดส่งของที่หน้าอาคารสยามรัฐ เชิงสะพานพระราม 8 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด เมื่อถึงเวลาส่งของได้พบกับเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าวมาส่งของให้กับพนักงานเจ้าที่ในราคา 14 บาทต่อชิ้น ตามที่ได้ตกลงกันไว้ เมื่อชำระเงิน พนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหา และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บวรมงคล เพื่อดำเนินคดีในข้อกล่าวหาจำหน่ายสูงเกินสมควรแล้ว
รายงานจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า ขณะนี้มีหน่วยงานราชการของไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 และในประเทศที่พบคนติดเชื้อ ได้ส่งเรื่องมายังกรมการค้าภายใน เพื่อขอซื้อหน้ากากอนามัยเป็นจำนวนมาก และรัฐบาลของประเทศเพื่อนบ้าน ได้ติดต่อผ่านกระทรวงการต่างประเทศของไทย เพื่อขอซื้อจำนวนมากเช่นกัน เนื่องจากประเทศผู้ผลิตและส่งออกหน้ากากอนามัยของโลกส่วนใหญ่ห้ามส่งออก รวมถึงไทย ส่งผลให้เกิดความขาดแคลนหน้ากากอนามัยไปทั่วโลก