xs
xsm
sm
md
lg

“แฮปปี้” ดึงสินค้า FMCG-โอทอปลงช่อง เปิดศึกโฮมชอปปิ้ง 1.4 หมื่นล้านรุกสูงวัย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - ตลาดโฮมชอปปิ้ง 14,000 ล้านบาทคึกคัก คาดทั้งปีนี้โต 7% เหตุฝุ่นพิษ ไวรัสโคโรนาช่วยทำให้คนออกนอกบ้านน้อยลงซื้อโฮมชอปปิ้งมากขึ้น ด้านแฮปปี้ช้อปปิ้งลุยหนัก เพิ่มสินค้า FMCG-ช่องทางออนไลน์-โซเชียลมีเดีย เจาะกลุ่มผู้สูงวัยเป็นหลัก



นางสาวอภิรวี พิชญเดชะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฮปปี้ กรุ๊ป จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจโฮมชอปปิ้ง เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ จะขยายไลน์สินค้าไปยังกลุ่มสินค้าคอนซูเมอร์โปรดักต์ หรือเอฟเอ็มซีจี (FMCG) เข้ามาจำหน่ายในช่องทางโฮมชอปปิ้งมากขึ้น ซึ่งในตลาดรวมโฮมชอปปิ้งยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดที่เน้นสินค้ากลุ่มนี้มากนักเพื่อสร้างความแตกต่างจากรายอื่น

ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทซัปพลายเออร์รายใหญ่จากต่างประเทศและเป็นอันดับที่ 2 ในไทย เพื่อนำสินค้าเข้าสู่ระบบช่องทางบริษัท จากก่อนหน้านี้ที่บริษัทฯ เริ่มทำมาบ้างแล้วกับเครือสหพัฒน์เป็นหลัก เช่นการนำสินค้าเครื่องดื่มเบเนคัลมาจำหน่ายและถือเป็นครั้งแรกที่แบรนด์ดังกล่าวเข้าช่องทางนี้ และจะเพิ่มสินค้าอื่นของเครือสหพัฒน์อีก




รวมทั้งจะขยายช่องทางจำหน่ายสู่แพลตฟอร์มออมนิแชนเนลจากเดิมที่เริ่มต้นด้วยช่องทางออฟไลน์เป็นหลัก ผ่านทางช่องเนชั่น 22 ด้วยสล็อตเวลาแบบความยาว 10 นาทีต่อครั้ง รวม 11 ครั้งต่อวัน และสล็อตเวลายาว 2 นาที มี 40 ครั้งต่อวัน และจะขยายอีก ซึ่งก่อนหน้านี้ต้นปี 2563 ได้ขยายอีก 3 ช่อง คือ ไทยรัฐทีวี 32 ช่องวัน 31 และอัมรินทร์ทีวี 34 นาน 2 เดือน ส่วนออนไลน์จะทำตลาดผ่านเว็บไซต์บริษัท www.happyshopping2you.com ด้วยสินค้าบนเว็บไซต์ มากกว่า 2,000 รายการภายในปีนี้ รวมทั้งสื่อสารผ่านเว็บไซต์ข่าวและโซเชียลมีเดียของเนชั่นทั้งหมดหลังจากที่เครือเนชั่นได้เข้ามาถือหุ้นในบริษัทเมื่อต้นปีนี้ 50%

นอกนั้นก็เป็นโซเชียลคอมเมิร์ซผ่าน Facebook (happyshopping2you) และ Line (@happy_shopping) ซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้สูงอายุได้มากจากฐานลูกค้าที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปใช้ LINE ในการสั่งซื้อสินค้า และสอบถามรายละเอียดต่างๆ ของสินค้า อีกทั้ง 7-8% จากยอดขายรวมก็มาจากช่องทาง LINE ด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นยังมุ่งกระจายสินค้าและบริการไปยังช่องทางมาร์เกตเพลซยอดนิยม เช่น Shopee และ Lazada (happyshopping_official) ตั้งเป้าหมายสัดส่วนช่องทางออฟไลน์ 80% ออนไลน์ 10% และเอาต์บาวนด์ 10% (คือการทำทัวร์) จากเดิมออนไลน์เกือบ 90%


นางสาวอภิรวีกล่าวต่อว่า ในช่องทางออฟไลน์วางเป้าหมายเพิ่มสินค้าในปีนี้เป็น 400 กว่าเอสเคยู จากที่ขณะนี้มีกว่า 200 เอสเคยู มาจาก 3 กลุ่มหลัก คือ สินค้าเฮาส์แบรนด์ของบริษัทเองและสินค้าจากซัปพลายเออร์ กลุ่มไทยวิสดอมเป็นสินค้าภูมิปัญญาไทยและโอทอป โดยอนาคตจะทำเว็บไซต์สินค้าโอทอปโดยเฉพาะ และกลุ่มบริการ เช่น ทัวร์ต่างประเทศ จะเพิ่มสินค้าบริการด้านโรงพยาบาลด้วย

อย่างไรก็ตาม แนวทางหลักของบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายหลักคือ ผู้สูงอายุ หรือกลุ่มเบบี้บูมเมอร์และกลุ่มเจนเอ็กซ์เป็นหลัก โดยช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาปีที่แล้วลูกค้าเป็นผู้หญิง 56.45% และเป็นผู้ชาย 43.55% ด้วยฐานลูกค้ากว่า 100,000 ราย และมีอัตราการซื้อสินค้าเฉลี่ย 1,890 บาทต่อครั้ง มากกว่าค่าเฉลี่ยตลาดรวมที่ 1,300-1,500 บาทต่อครั้ง และซื้อซ้ำ 2.5 ครั้งต่อราย


สำหรับตลาดรวมโฮมชอปปิ้งมูลค่ากว่า 14,000 ล้านบาท ในปี 2563 นี้คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 7% แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจไม่ค่อยดี แต่ก็เป็นโอกาสของโฮมชอปปิ้งในท่ามกลางปัญหาวิกฤตต่างๆ เช่น ฝุ่นพิษ ไวรัสโคโรนาที่ระบาดขณะนี้ ส่งผลให้เกิดผลดีที่คนออกนอกบ้านซื้อของน้อยลง โดยตลาดโฮมชอปปิ้งในไทยมีผู้ประกอบการรายใหญ่ไม่กี่รายประมาณ 15 ราย เช่น ทีวีไดเร็ค เป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งกว่า 21%, โอช้อปปิ้ง 17%, 1781 ไลฟ์สตาร์ 16%, 1577 โฮมช้อปปิ้ง 14%, ทรูชอปปิ้ง 9%, ทีวีดีโมโน 8%, ไฮชอปปิ้ง 6%

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาดมีผู้ประกอบการรายใหญ่เพิ่มทุกปี นับตั้งแต่ปี 2547 มีประมาณ 5 ราย เพิ่มมาเป็น 11 รายในปี 2554 และปี 2556 ตลาดเพิ่มเป็น 12 ราย และปีที่แล้วมี 15 ราย

ทั้งนี้ แฮปปี้ช้อปปิ้งตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2563 นี้ไว้ที่ 530 ล้านบาท เติบโต 186% จากปีที่แล้วที่ทำได้ 185 ล้านบาท และลูกค้าเติบโตกว่า 200% และตั้งเป้าหมายเป็นผู้นำติดท็อป 6 ภายใน 3 ปีด้วยยอดขายกว่า 1,000 ล้านบาท






กำลังโหลดความคิดเห็น