"ดับบลิวแอนด์ดับบลิว" เผยภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปี 63 ตลาดแนวสูงฝั่ง กทม.ชั้นนอกไม่คึกคัก รายเล็กและรายใหญ่เร่งวางแผนให้รัดกุม เปิดแผนผุด 3 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 4,000 ล้านบาท ประเดิมโครงการ “Matier Rama9” โฮมออฟฟิศย่านพระราม 9-รามคำแหง ด้าน “โพลิส คอนโด สุขสวัสดิ์ 64” กวาดยอดขายแล้ว 90% คาดปีนี้รับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
นายวิทยา พรหมชนก กรรมการผู้จัดการบริษัท ดับบลิวแอนด์ดับบลิว พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปี 2562 ที่ผ่านมาว่า เป็นปีที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ ทั้งรายเล็กและรายใหญ่ต่างเห็นพ้องตรงกันว่า เป็นปีที่ยากลำบากในการดำเนินธุรกิจมากที่สุด และเป็นปีแห่งความท้าทาย สำหรับในปี 2563 มองว่าตลาดคอนโดมิเนียมฝั่งกรุงเทพฯ ชั้นนอกยังไม่คึกคักเท่าที่ควร ผู้ประกอบการรายใหญ่-รายเล็กต้องมีการวางแผนอย่างรัดกุม
ในส่วนของบริษัทฯ วางกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจใหม่ๆ เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัท สามารถปรับตัวให้สอดคล้องต่อทิศทางของตลาดอสังหาฯ ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วและคล่องตัว โดยในปีนี้จะเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ “Metier Rama9” ตั้งอยู่บนถนนพระราม 9 ตัดกับถนนรามคำแหง พัฒนาในรูปแบบของโฮมออฟฟิศ เพื่อหวังเจาะกลุ่มเป้าหมายระดับ Super Luxury เปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 นี้
ส่วนอีก 2 โครงการจะเป็นคอนโดมิเนียมขนาดกลาง ใกล้แนวรถไฟฟ้า 1 โครงการ และโครงการแนวราบในจังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยวภาคใต้ 1 โครงการ ที่คาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ในช่วงปลายปี 2563
สำหรับความคืบหน้าโครงการ “โพลิส คอนโด สุขสวัสดิ์ 64” บนเนื้อที่กว่า 5 ไร่ ในซอยสุขสวัสดิ์ พัฒนาในรูปแบบคอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรซ์ 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 459 ยูนิต มูลค่าโครงการรวมกว่า 700 ล้านบาท ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด “เปิดโล่งให้กับชีวิต ต่อติดทุกการเดินทาง” โดยมีจุดเด่นของโครงการ คือ ความสะดวกสบายด้วยทำเลที่ดีเยี่ยมเข้าออกได้หลายเส้นทาง พื้นที่เปิดโล่งโปร่งสบาย ด้วยการจัดผังโครงการให้มีพื้นที่ใช้งานอย่างลงตัว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน ซึ่งโครงการดังกล่าวได้เปิดพรีเซลไปเมื่อปลายปี 2561 ที่ผ่านมา ราคาเริ่มต้นที่ 1.49 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 90% และคาดว่าจะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2563 และจะสามารถปิดการขายภายในไตรมาส 3 ของปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทได้ให้ความสำคัญต่อกิจกรรมเพื่อดูแลหลังการขาย และดูแลความสุขของลูกบ้านอย่างเต็มที่ โดยที่ผ่านมา ทุกโครงการของบริษัทได้มีการปฏิสัมพันธ์กับลูกบ้านมาโดยตลอด เพื่อที่จะรับรู้ทั้งสิ่งที่ดี และสิ่งที่อยากให้ปรับปรุงเพิ่มเติม โดยในหลายๆ ครั้ง เมื่อมีนวัตกรรมหรือฟีเจอร์ใหม่สำหรับที่อยู่อาศัยออกสู่ท้องตลาด ทางโครงการได้มีการนำสิ่งเหล่านี้กลับไปเพิ่มเติมและปรับใช้อย่างเหมาะสม
"ในปีนี้ยอดรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นปีที่บริษัทเตรียมจะเปิดตัวโครงการเพิ่มอีกในทำเลที่มีศักยภาพที่ดี และประเภทโครงการที่หลากหลายเซกเมนต์ รวมถึงจำนวนโครงการที่อยู่ในแผนพัฒนา ซึ่งเป้าหมายในระยะยาวนั้น คือ เป็นองค์กรที่พัฒนาที่อยู่อาศัยและสถานที่พักผ่อนได้ตรงใจผู้อยู่อาศัยมากที่สุด การขยายโครงการนี้จึงถือเป็นจังหวะที่จะได้พิสูจน์ความตั้งใจในวิเคราะห์ข้อมูล พฤติกรรมของกลุ่มลูกค้า เพื่อนำมาเป็นปัจจัยในการพัฒนาโครงการที่หลากหลายมากขึ้น เราตั้งใจ และที่สำคัญคือการได้รับรู้เสียงตอบรับของลูกบ้านทุกท่านของบริษัทในปีนี้ เพื่อนำทั้งความคิดเห็นและคำติชม ไปปรับปรุงพัฒนาโครงการต่อไป"