กลุ่มทุนท้องถิ่นหัวหินผนึกนักธุรกิจส่งออกกุญแจรายใหญ่ของไทย ลุยอสังหาฯ หัวหิน ตั้งบริษัทร่วมทุนเนรมิตโครงการ “คาราเพซ หัวหิน-เขาเต่า” ขึ้นมาใหม่ มูลค่า 2,000 ล้านบาท ปลื้มยอดขายสู่ระดับ 65% ไม่เกินไตรมาส 3 ปี 64 ปิดการขาย แย้มกระโจนเข้าสู่กรุงเทพฯ วางเป้าเปิดปีละ 2-3 โครงการ มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 1,800 ลบ. ชูรูปแบบคอนโดเทลบุกตลาดโซนพระราม 9
นายปองพิพัฒน์ กาญจนสุพัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัท วัน เพลส เอสเตท จำกัด กล่าวว่า ตนได้ร่วมกับนายสุวิชัย เจนธนอรรถกิจ ผู้ดำเนินธุรกิจส่งออกผลิตภัณฑ์กุญแจสำหรับเฟอร์นิเจอร์และที่อยู่อาศัย ภายใต้แบรนด์ “Cyberlock” ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้บริษัทร่วมทุน "วัน เพลส เอสเตท จำกัด" ขึ้นมา ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาทเมื่อปี 2562 เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาฯ อย่างต่อเนื่อง ทั้งรูปแบบแนวสูงและแนวราบ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาสในการได้ที่ดินที่นำมาพัฒนา ซึ่งเน้นในพื้นที่ กทม.และหัวเมืองท่องเที่ยวเป็นหลัก โดยเริ่มต้นด้วยการลงทุนและเข้ามาพัฒนาโครงการภายใต้ชื่อใหม่ “คาราเพซ หัวหิน-เขาเต่า” มูลค่าโครงการรวม 2,000 ล้านบาท ตั้งอยู่บนพื้นที่ทั้งหมดเกือบ 10 ไร่
แบ่งการพัฒนาเป็น 2 เฟสๆ แรกเป็นในส่วนของโรงแรมสูง 8 ชั้น จำนวน 1 อาคาร และสูง 7 ชั้น จำนวน 2 อาคาร จำนวน 430 ห้องขึ้นไป ราคาที่พักตั้งแต่ 2,000 บาทต่อคืนขึ้นไป ซึ่งได้เซ็นสัญญากับ Best Western Plus เชนโรงแรมระดับ 4 ดาว จากประเทศสหรัฐฯ เข้ามาบริหารงานเมื่อโรงแรมก่อสร้างแล้วเสร็จ
สำหรับเฟสที่ 2 จะเป็นในส่วนของคอนโดฯ จำนวน 3 อาคาร สูง 4 ชั้น ขนาดตั้งแต่ 26-50 ตารางเมตร (ตร.ม.) ราคาเริ่มต้นที่ 100,000 บาทต่อ ตร.ม.ขึ้นไป หรือเริ่มต้นที่ 2.29-6.5 ล้านบาท แต่ปัจจุบันปรับราคาขายมา 2 รอบแล้ว จำนวนทั้งหมดกว่า 120 ยูนิต โดยเปิดขายเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 65% แบ่งเป็นโซนที่พักอาศัย 20% โดยผู้ซื้อได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน 7% ภายในระยะเวลา 3 ปี และโซนเพื่อการลงทุน 45% ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน 5% ภายในระยะเวลา 5 ปี โดยแบ่งจ่ายแบบรายไตรมาส คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ไม่เกินไตรมาส 3/2564 ด้านการก่อสร้างจะแล้วเสร็จภายในกลางปี 2564
"ผมเชื่อว่าความต้องการคอนโดฯ ขนาด 30 ตร.ม.บวกลบ ยังมีอยู่อีกเยอะ และการร่วมกับเชนจากสหรัฐฯ เพื่อสร้างความแปลกใหม่ ซึ่งเรามองว่า การทำคอนโดฯ เพื่ออยู่อาศัยแข่งขันสูง น่าจะมีจุดขายเรื่องคอนโดเทลเข้ามาเติมให้แก่ผู้ลงทุน ตลาดในหัวหินรูปแบบนี้ยังมีการเติบโตแต่การแข่งขันไม่มากเท่าที่ภูเก็ต พัทยา และการดึงเชน Best Western Plus เนื่องจากเห็นช่องทางการตลาด เพราะหัวหิน จะเป็นเชนระดับ 5 ดาว ราคาห้องพักสูง"
สำหรับแผนลงทุนในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า จะหันมารุกตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพฯ วางเป้าปีละ 2-3 โครงการ มูลค่าไม่สูง 500-600 ล้านบาทต่อโครงการ หรือรวมมูลค่า 1,500-1,800 ล้านบาท เพื่อความคล่องตัวในการบริหารโครงการ โดยจะผลักดันรูปแบบคอนโดเทลเข้ามาทำตลาดในกรุงเทพฯ ทำเลที่พิจารณา เช่น พระราม 9 และโซนรามอินทรา
และในอนาคตภายใน 5 ปี มีแผนที่จะนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วย ซึ่งในระยะเวลาดังกล่าวบริษัทต้องมีสินทรัพย์มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี จากปัจจุบันที่มีสินทรัพย์มูลค่ารวมประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปี