โนเบิล ไม่หวั่นเศรษฐกิจซบ ลุยเปิดคอนโดฯ 7 โครงการ มูลค่า 25,000 ล้านบาท พร้อมเผยเจรจาซื้อโครงการที่ลอนดอน มูลค่า 2,000-3,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย รายได้ 12,000 ล้านบาท
นายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE เปิดเผยว่า ในปี 2563 บริษัทยังคงดำเนินธุรกิจแบบเชิงรุกแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะยังไม่ฟื้นตัว แต่บริษัทยังคงดำเนินนโยบายลงทุนอย่างระมัดระวัง โดยตั้งเป้าหมายเปิดโครงการใหม่ 7 โครงการมูลค่า 25,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นโครงการร่วมทุน 2 โครงการ ได้แก่ ร่วมทุนกับบริษัท ยูซิตี้ เครือ บีทีเอส กรุ๊ปฯ ในทำเลรัชดา-ลาดพร้าว มูลค่าโครงการ 2,000 ล้าน รวมถึงแผนร่วมทุนกับกลุ่มฮ่องกงแลนด์ เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี มูลค่าโครงการ 10,000 ล้านบาท บนถนนวิทยุ บนพื้นที่กว่า 3 ไร่ ระดับราคาขายมากกว่า 300,000 บาทต่อ ตร.ม.ขึ้นไป
นอกจากโครงการที่ลงทุนใหม่แล้ว ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างขายและก่อสร้างอีก จำนวน 12 โครงการ มูลค่า 28,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จ 6,000-7,000 ล้านบาท และจะมีโครงการที่สร้างแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้อีกประมาณ 7,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้กว่า 17,000 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ได้ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถสร้างยอดขายปี 2563 ที่ 12,000 ล้านบาท และเป้าหมายรายได้ 12,000 ล้านบาทเช่นกัน
ขณะที่ในปี 2562 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้กว่า 15,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นยอดขายสินทรัพย์ที่เป็นรีเทล 2 แห่ง มูลค่าราว 3,000 ล้านบาท ส่วนในปีนี้ แม้การขายในส่วนของพื้นที่เช่าจะยังไม่ได้อยู่ในแผนลงทุน แต่หากมีข้อเสนอที่ดีบริษัทก็พร้อมที่จะขายเพื่อนำเงินไปลงทุนโครงการในอนาคตต่อไป
“ด้วยทิศทางการรุกตลาดในปี 2563 พร้อมตั้งเป้าเปิดอย่างน้อย 7 โครงการ มูลค่ากว่า 25,000 ล้านบาท บริษัทเชื่อมั่นว่า จะสามารถบรรลุยอดขาย และรับรู้รายได้ได้ตามเป้าหมาย และบริษัทยังคงนโยบายจ่ายเงินปันผลในระดับสูง ซึ่งจะเป็นหุ้นปันผลที่สร้างความมั่นใจใหัแก่นักลงทุนในภาวะเศรษฐกิจที่มีการผันผวนในปัจจุบัน ตามที่บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายไว้ได้อย่างแน่นอน” นายธงชัย กล่าว
นอกจากแผนลงทุนในประเทศ 7 โครงการแล้ว บริษัทยังมีแผนที่จะไปลงทุนยังต่างประเทศปีละอย่างน้อย 1 โครงการ เนื่องจากผู้ถือหุ้นนายแฟรงค์ ฟง คึ่น เหลียง มีเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ในจีนและฮ่องกง โดยเบื้องต้นมีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง รวมถึงโครงการเก่าในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มาเสนอขายให้ 3-4 โครงการ คาดว่าจะสามารถเจรจาได้ภายในปีนี้ 1 โครงการ ใช้เงินลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท พัฒนาโครงการมูลค่า 2,000-3,000 ล้านบาท
ในด้านตลาดต่างประเทศ นายแฟรงค์ ฟง คึ่น เหลียง รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม กล่าวว่า ในปี 2562 บริษัทฯ มีการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มยอดขายจากต่างประเทศขึ้น จากในปี 2562 ที่สามารถสร้างยอดขายจากตลาดต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 3,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว หรือ 7,000 ล้านบาท ในปี 2563
ปัจจุบัน บริษัทฯ ครองส่วนแบ่งตลาดผู้ซื้อต่างชาติสูงถึง 18% ของส่วนแบ่งตลาดต่างประเทศในช่วงราคา 80,000-250,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งเป็นระดับราคาขายที่ทางโนเบิลทำการตลาดอยู่ หรือประมาณทุก 1 ใน 5 ยูนิตของคอนโดฯ ที่ขายไปยังชาวต่างชาติทั้งหมดในกรุงเทพฯ โดยประกอบไปด้วยลูกค้าหลักจากต่างประเทศ เช่น ประเทศจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวัน ซึ่งบริษัทฯ มีเครือข่ายที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้ากว่า 470 ช่องทาง (Distributors) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีนซึ่งถือเป็นตลาดหลักที่บริษัทฯ สามารถขยายฐานการตลาดครอบคลุมได้กว่า 21 เมือง
นายแฟรงค์ กล่าวว่า นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนการลงทุนในโครงการที่มีทำเลศักยภาพสูงทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อนำมาต่อยอดการรับรู้รายได้และขยายฐานธุรกิจต่อไป
ล่าสุด เปิดขายโครงการ “โนเบิล อเบิฟ ไวร์เลส-ร่วมฤดี” ซึ่งเป็นการนำโครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์มารีโนเวตใหม่ให้เป็นคอนโดมิเนียมเพื่อขาย จำนวน 104 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,057 ล้านบาท มีขนาด 1 และ 2 ห้องนอน ขนาด 54.34-85.60 ตร.ม. ราคาเริ่มเฉลี่ย 1.4 แสนบาท/ตร.ม. หรือประมาณ 7.6 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งในย่านนั้นที่ส่วนใหญ่ขายในราคา 2.5-3 แสนบาท/ตร.ม.
สำหรับโนเบิล อเบิฟ ไวร์เลส ตั้งอยู่ในซอยร่วมฤดี 2 ทำเลใจกลางย่านธุรกิจบนพื้นที่ขนาด 1-2-18.2 ไร่ มีจำนวน 104 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,057 ล้านบาท มียูนิตแบบ 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน โดย 1 ห้องนอนมีขนาด 54.34-85.60 ตารางเมตร และ 2 ห้องนอนขนาด 87.51-119.56 ตารางเมตร พร้อมที่จอดรถมากกว่า 70% รวมทั้งมีบริการรถรับส่ง (shuttle service) อำนวยความสะดวก
