xs
xsm
sm
md
lg

LPN ย้ำงบการเงินแข็งแกร่ง เตือนภาคธุรกิจปรับตัวเพื่อให้อยู่รอด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"แอล.พี.เอ็น.ฯ" วิเคราะห์เศรษฐกิจไทยปี 2563 มีหลายมรสุมกระหน่ำ เชื้อไวรัส เงินบาทแข็งค่า เรื่องหนี้ครัวเรือน คนรุ่นใหม่ก่อหนี้ไวขึ้น ชี้จีดีพีไทยเติบโตสูงสุดระดับแค่ 2% หวังรัฐบาลอัดงบเข้าสนับสนุน ระบุโครงการ "ชิมช้อปใช้" หมุนเวียนเงินในระบบได้เร็ว "อภิชาติ เกษมกุลศิริ" ย้ำ LPN งบการเงินแข็งแกร่ง มีกระแสเงิน 4,000-5,000 ล้านบาท รองรับซื้อที่ดิน และเทกโอเวอร์โครงการสร้างค้าง แต่ต้องทำเลดี ราคาถูก ตัวเลข D/E ลดต่ำสุดในอุตฯ



นายอภิชาติ เกษมกุลศิริ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN บริษัทมีสินทรัพย์ 24,000 ล้านบาท (ไตรมาส 3 ปี 62) กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ท้าทายมาก ต้นปีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ได้แก่ 1.สงครามย่อยๆ ระหว่างสหรัฐอเมริกากับอิหร่าน 2.การเกิดไวรัส ทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงอย่างมาก แสดงว่าเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวค่อนข้างมาก และหากนักท่องเที่ยวจากจีนไม่มาเลย ย่อมมีผลต่อจีพีดีของไทยที่หายไปเยอะพอสมควร และนั่นหมายถึงขีดการแข่งขันของไทยจะลดลง เพราะจีนเป็นคู้ค้าที่ใหญ่สุดของไทยและเป็นคู้ค้าใหญ่สุดของโลกเช่นกัน

ในส่วนของค่าเงินบาทต่อให้อ่อนไปกว่านี้ มูลค่าการส่งออกของไทยก็ไม่ดีไปกว่านี้ เพราะเศรษฐกิจโลกซบเซา แต่รัฐบาลก็เริ่มคลายเปราะไปได้ เนื่องจากเงินบาทอ่อนค่าลงไปบ้าง ปัจจัยดังกล่าวช่วยลดทอนความกังวลของรัฐบาลไปได้ระดับหนึ่ง

ขณะที่หนี้ครัวเรือน ยังมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น หากเราย้อนไปดูเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา นักศึกษาที่จบปริญญาตรีที่เข้ามาทำงานใหม่จะมีรายได้ประมาณ 15,000 บาทต่อเดือน และล่วงเลยมาอีก 20 ปี รายได้ก็น่าจะเพิ่มเป็น 20,000 ต่อเดือน แต่ค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าแท็กซี่ ค่าอาหาร ค่าครองชีพสูงขึ้นลิบลับ อย่างเช่น โครงการคอนโดมิเนียมของ LPN บนทำเลเดียวกัน เมื่อย้อนไป 5 ปีที่แล้ว กับโครงการปัจจุบัน ราคาตารางเมตร (ตร.ม.) ต่างกัน 30% เพราะเกิดจากราคาเฟ้อของสินค้าที่เกิดขึ้นในเมืองไทย ทำให้สัดส่วนรายได้กับค่าใช้จ่ายไม่สอดคล้องกัน และด้วยอุปนิสัยของคนรุ่นใหม่ไม่เหมือนคนรุ่นเก่า คือ คนรุ่นใหม่ ถ้าต้องการอะไรจะไปหามาให้ได้โดยทิ้งภาระหนี้ไว้ข้างหลัง ทำให้เกิดเรื่องหนี้ครัวเรือนขึ้นมา ไม่ว่าจะหนี้บัตรเครดิต

"ทั้งรัฐบาล ระบบธนาคาร หรือแม้แต่เรียลเซ็กเตอร์ต่างๆ จะต้องปรับตัว จะอยู่กับสิ่งเหล่านี้อย่างไรได้บ้าง โดยทั่วไป ใน LPN เน้นสร้างคอนโดมิเนียมระดับกลางล่าง สามารถอยู่ได้จริง และมีมูลค่าเพิ่มกับลูกบ้านของเรา ปีที่แล้ว (2562) คนอาจจะมองว่า เลวร้าย แต่ผลประกอบการของ LPN ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรายได้ กำไรสุทธิ ตัวเลขยังประกาศไม่ได้ อาจไม่ดีกว่าปีที่แล้ว แต่ถือว่าใช้ได้ ลดลงเป็นเปอร์เซ็นต์น้อยมาก และด้วยมรสุมที่ LPN ผ่านมาในปีที่แล้ว จะทำให้เราเรียนรู้และอยู่กับมันได้ และปี 2563 จะเป็นปีที่เราผ่านไปได้ด้วยดี" นายอภิชาติ กล่าวและชี้ว่า

เราอยู่ในยุคที่ต้องปรับตัว จีดีพีที่เราเคยเติบโต 7-10% ต่อปี ต่อไปเราจะไม่เห็น ตัวเลขจีดีพีระดับ 2% ต้องถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงแล้ว และเป็นตัวเลขที่สูงอยู่แค่นี้ จากนี้ไปสิ่งที่อุตสาหกรรมต้องปรับตัวคือ เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพเพื่ออยู่รอดให้ได้ ซึ่งเชื่อว่าการอยู่รอดดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมธนาคาร การท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรมอื่นๆ ปรับตัวมาเรียบร้อยแล้ว

"เศรษฐกิจในปีนี้ต่ำสุดในรอบ 10 ปี สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ ประเทศไทย ในอดีตเราพึ่งพาส่งออก เราก็ถดถอยตามไปด้วย แต่เราโชคดีที่มีทรัพยากรท่องเที่ยว ช่วง 2-3 ปี เราได้การท่องเที่ยวมาช่วยเรื่องจีดีพี แต่วันนี้ มีเรื่องเชื้อไวรัสเกิดขึ้น ซึ่งต้องใช้เวลาอีกสักระยะในการประเมิน แต่เชื่อว่าไตรมาส 1 ไตรมาส 2 เศรษฐกิจคงไม่เติบโตตามที่รัฐบาลต้องการได้ ซึ่งต้องดูว่ารัฐบาลมีงบเข้ามาสนับสนุนหรืออัดฉีดมากน้อยแค่ไหน อาจจะมีเรื่องของชิมช้อปใช้เฟสต่อเนื่อง ซึ่งเหล่านี้จะช่วยอัดเงินเข้าสู่ระบบได้เร็วและไวด้วย"

อย่างไรก็ตาม สำหรับ LPN งบการเงินของเรามั่นคง และแข็งแกร่งมาก หนี้สินต่อทุนต่ำ ทำให้เราสามารถไปหาธุรกิจใหม่ๆ ในช่วงที่ธุรกิจอสังหาฯ กำลังซบเซาได้ แต่การคาดเดาข้างหน้าคงจะยาก แต่สมมติหากเกิดวิกฤตขึ้นมา หากมีใครนำเสนอที่ดินเข้ามา หรือเสนอโครงการที่สร้างค้างเข้ามา แอล.พี.เอ็น. ก็พร้อมที่จะซื้อ เรามีวงเงินสบายๆ อยู่ประมาณไม่ต่ำกว่า 4,000-5,000 ล้านบาท แต่ของที่มาหาเรา ต้องดีและถูกจริงๆ เราถึงจะลงทุน เพราะภาวะแบบนี้ ดีมานด์มันต่ำมากๆ การลงทุนใดๆ ก็มีผลต่องบการเงินของบริษัท

"หากเราสามารถขายคอนโดฯ ที่วางเป้าไว้ 10,000 ล้านบาท เพื่อนำไปลดหนี้ที่มีอยู่ ซึ่งเรามีแผนที่จะเปิดโครงการแนวราบและคอนโดฯ แต่การเปิดโครงการใหม่ต้องรอดูสถานการณ์ก่อน สมมติเราไม่เปิดโครงการเลย เงินที่ได้จากยอดขายก็สามารถไปทำให้ตัวเลข D/E เราลดลงไปอีก ปกติเราจ่ายปันผลครึ่งหนึ่งของกำไร ทำให้เหลือเงินสดในการลดหนี้ได้ประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท"

ในส่วนของคืบหน้าการร่วมทุนกับบริษัท นายณ์ เอสเตท จำกัด (NYE) พัฒนาโครงการอาคารสำนักงานบนถนนพระราม 4 ว่า โครงการนี้ดี ทำเลดี อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ประมาณ 10-12% โครงการนี้อยู่ระหว่งการเคลียร์ที่ดิน คาดว่ากลางปีหรือปลายปีจะสามารถตอกเสาเข็มได้ ก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน 18 เดือน (กลางปี 2565) ซึ่งเมื่อเราเปิดดำเนินการได้แล้ว เชื่อว่า โครงการเมกะโปรเจกต์น่าจะยังไม่เสร็จ ทำให้เราสามารถเข้าไปเก็บเกี่ยวความต้องการเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานได้ โดยออฟฟิศแห่งนี้จะเน้นกลุ่ม B ถึง B+ เพื่อให้ผู้เช่าที่ต้องการอยู่ที่ดีๆ มีความสามารถในการอยู่ได้

สำหรับการขยายสนามบินสุวรรณภูมิ จะส่งผลดีต่อการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรอบ ซึ่งจะเกิดเมืองย่อยๆ จากการขยายสนามบิน อย่างเช่น โซนลาดกระบัง ที่บริษัท แอล.พี.เอ็น.จะเปิดโครงการแนวราบแห่งใหม่ที่อยู่ติดถนน ที่ดินแปลงนี้มุ่งเน้นจะจับลูกค้าที่ทำงานอยู่ละแวกนั้น และยังสามารถรองรับกลุ่มจากชานเมืองที่เข้ามาซื้อโครงการได้ เนื่องจากเป็นรอยต่อระหว่างกรุงเทพฯ กับชานเมือง ขณะที่ราคาในโครงการจะสามารถจับต้องได้ ราคาระหว่าง 3-5 ล้านบาท โครงการอยู่ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 2-3 กิโลเมตร (กม.)
กำลังโหลดความคิดเห็น