“กฟผ.” เตรียมศึกษาโครงสร้างค่าไฟเพื่อคนมีรายได้น้อยตามนโยบาย “สมคิด” คาดสรุปภายใน ก.พ.นี้ แย้มเตรียมทบทวนใช้ไฟฟรีไม่เกิน 50 หน่วย สำหรับผู้ที่มีบ้านหลายหลังที่อาจเข้าข่ายคนรวย ส่วนที่สุดจะมีการยกเลิกหรือไม่คงต้องรอผลสรุป
นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า จากนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ กฟผ.และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สกพ.) ไปศึกษาโครงสร้างค่าไฟเพื่อช่วยหลือผู้มีรายได้น้อยว่า ขณะนี้ กฟผ.อยู่ระหว่างการศึกษาซึ่งคาดว่าจะมีการจัดทำโครงสร้างค่าไฟเฉพาะสำหรับผู้มีรายได้น้อย ซึ่งจะต้องทบทวนโครงสร้างการใช้ไฟฟรีเพื่อให้เข้าถึงผู้มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง จากปัจจุบันบ้านไหนใช้ไฟฟ้าไม่ถึง 50 หน่วย จะได้ใช้ไฟฟรี แต่หลักเกณฑ์ใหม่จะพิจารณาให้เฉพาะผู้มีรายได้น้อยเท่านั้น ที่ได้รับอัตราค่าไฟราคาพิเศษ เนื่องจากปัจจุบันมีเจ้าของบ้านบางราย มีบ้านหลายหลัง บางหลังใช้ไฟไม่ถึง 50 หน่วย ได้รับอานิสงส์ใช้ไฟฟรีไปด้วยเพื่อให้ตอบโจทย์การเข้าถึงผู้มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือน ก.พ.นี้
“กฟผ.กำลังพิจาณาหลักเกณฑ์ใหม่ว่าจะทำอย่างไรให้ไฟฟ้านั้นเข้าถึงผู้มีรายได้น้อยจริงๆ เช่น นำหลักเกณฑ์มาจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเข้ามาดู ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ว่าจะยกเลิกใช้ไฟฟรี 50 หน่วยเลยหรือไม่ หรือจะให้เฉพาะผู้มีรายได้น้อยเท่านั้น หรือจะคิดค่าไฟอัตราพิเศษให้ผู้มีรายได้น้อยแยกออกมา” นายวิบูลย์กล่าว
ส่วนนโยบายที่นายสมคิดมอบหมายให้ กฟผ.ร่วมมือกับ บมจ.ปตท.ในการสร้างสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี ชาร์จจิ้ง สเตชัน) เนื่องจากเห็นว่า ปตท.มีสถานี (ปั๊ม) บริการน้ำมันอยู่แล้วจึงควรใช้ศักยภาพนี้ให้เกิดประโยชน์ประกอบกับหากไม่เกิดสถานีฯ รถอีวีก็อาจจะเกิดช้าซึ่งขณะนี้ก็กำลังศึกษาว่าปั๊มน้ำมันแห่งใดที่เหมาะสมกับการติดตั้งเพื่อให้เกิดการคุ้มค่าการลงทุนในระยะแรก
“เหมือนไก่กับไข่ เวลานี้ ปตท.เองก็มีการติดตั้งอยู่แล้วบางส่วน แต่ผู้ใช้น้อยมาก แต่รัฐก็มองว่าถ้าไม่มีสถานีชาร์จรถอีวีก็อาจจะไม่เกิด รัฐเลยอยากให้โครงสร้างพื้นฐานเกิดก่อนก็คงต้องดูรายละเอียดถึงความเหมาะสม” นายวิบูลย์กล่าว
สำหรับการปรับปรุงแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า พ.ศ. 2561-2580 (PDP2018) นั้น คาดว่าจะไม่กระทบต่อโรงไฟฟ้าหลักที่ กฟผ.ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการเพื่อความมั่นคงใน 8 แห่งแต่อย่างใด และคาดว่าภายในกลางปีนี้น่าจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่ออนุมัติเงินลงทุนตามแผนดังกล่าวได้