xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิรัตน์” หวังชะลอใช้ก๊าซฯ อ่าวไทย มอบ ปตท.ศึกษาเทียบราคาเปิดทางนำเข้า LNG

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"สนธิรัตน์" มอบ "ปตท." ศึกษาชะลอการดึงก๊าซในอ่าวไทยมาใช้หากพบการนำเข้า LNG ประเทศมีต้นทุนที่ต่ำกว่า หลังพบราคาตลาดจรลดลงต่อเนื่อง หวังรักษาทรัพยากรก๊าซอ่าวไทยไว้ใช้นานๆ เล็งเปิดทาง ปตท.ส่งออก LPG หากทำเรื่องมา แย้มเร็วๆ นี้สรุปช่วยเหลือค่าไฟผู้มีรายได้น้อยและเอสเอ็มอีผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้บริษัทปตท. จำกัด (มหาชน) ไปศึกษาความเป็นไปได้ในการชะลอการดึงก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยมาใช้ในช่วงที่ราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ตลาดโลกมีราคาต่ำกว่าก๊าซฯ ในอ่าวไทย โดยให้ทำการเปรียบเทียบระหว่างการผลิตก๊าซฯ ในอ่าวไทยกับการนำเข้า LNG ว่าราคาในช่วงใดที่จะทำให้ประเทศได้ประโยชน์สูงสุดเพื่อเป็นการรักษาทรัพยากรธรรมชาติไว้ใช้ให้นานที่สุด

"เรื่องนี้ผมฝากการบ้านให้ ปตท.ไปศึกษามา ถ้าการนำเข้า LNG คุ้มค่ากว่าก็จะถือเป็นการยืดอายุทรัพยากรธรรมชาติของไทย เพราะขณะนี้การนำเข้าแอลเอ็นจีตลาดจร หรือ Spot ขณะนี้ถูกมากราวกว่า 5 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู แต่ทั้งหมดก็อยู่ที่การศึกษาไม่ใช่ว่าทั้งหมดนี้ต้องทำ เพราะยุคผมนโยบายพลังงานต้องยืดหยุ่น ไม่หยุดนิ่ง เพื่อให้ประเทศได้ประโยชน์สูงสุด" นายสนธิรัตน์กล่าว

ทั้งนี้ การศึกษาคงจะต้องมองภาพรวมให้สอดรับกับการพัฒนาประเทศไทยที่กระทรวงพลังงานจะผลักดันให้ไทยเป็น Regional LNG Hub หรือศูนย์กลางการประกอบธุรกิจซื้อ-ขาย LNG ภายในภูมิภาค เนื่องจากไทย มีศักยภาพเพียงพอทั้งด้านความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติที่ภูมิรัฐศาสตร์ที่ตั้งอยู่ตำแหน่งเป็นศูนย์กลางของประเทศที่มีความต้องการ LNG ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย พม่า กัมพูชา เวียดนาม โดยจะส่งเสริมให้เกิดการนำเข้าเพื่อส่งออก (Re -Export) ภายในไตรมาส 3

อย่างไรก็ตาม กรณีการนำเข้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ที่ผ่านมานั้น นโยบายกระทรวงฯ ชัดเจนในการเปิดเสรีเพื่อให้มีการนำเข้าเพื่อการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม ล่าสุดการนำเข้าอาจลดลงเพราะราคาได้สะท้อนกลไกตลาด และทาง บมจ.ปตท.ต้องการที่จะส่งออกเพราะมีปริมาณที่เหลือ ซึ่งเรื่องดังกล่าวคงจะต้องให้ ปตท.นำเสนอเรื่องเข้ามา และการพิจารณาก็จะดำเนินการไปพร้อมๆ กับการนำเข้า LNG เพราะจะต้องมองทั้งระบบ

สำหรับการศึกษาการลดค่าไฟฟ้าสำหรับผู้มีรายได้น้อยและผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ที่อาจจะเป็นขนาดเล็กหรือไมโครเอสเอ็มอีที่มอบให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ไปศึกษานั้น คาดว่าจะสรุปตัวเลขการช่วยเหลือเร็วๆ นี้ โดยการช่วยเหลือจะเน้นการใช้งบประมาณจากภาครัฐและมุ่งเน้นการช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทั้งนี้เพื่อที่จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน

"ขณะนี้ผู้ใช้ไฟไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือนจะได้ใช้ไฟฟรี ซึ่งขณะนี้ก็ใช้ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอยู่แล้ว ก็จะมาดูว่าผู้มีบัตรสวัสดิการจะสามารถจ่ายถูกกว่าราคาปกติได้หรือไม่ และให้เอสเอ็มอีด้วย โดยใช้งบประมาณเป็นหลักเท่านั้น" นายสนธิรัตน์กล่าว

นายสนธิรัตน์ยังกล่าวถึงความคืบหน้าโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากว่า เร็วๆ นี้เตรียมประกาศเกณฑ์และเงื่อนไขภายในสิ้นเดือน ม.ค.นี้ และจากนั้นจะประกาศเชิญชวนให้ผู้สนใจเข้ามายื่นเสนอโครงการภายใน ก.พ.ทั้งหมด 700 เมกะวัตต์ โดยยืนยันว่าการพิจารณาจะยึดความโปร่งใสมีระเบียบพิจารณาชัดเจน ดังนั้น หากมีใครไปเรียกร้องผลประโยชน์หรือมีการระบุว่าจะวิ่งเต้นให้ได้รับสิทธิ์ขอให้แจ้งและจะยกเลิกโครงการนั้นทันที
กำลังโหลดความคิดเห็น