ปูนซิเมนต์ไทยตั้งเป้ายอดขายปีนี้ใกล้เคียงปี62อยู่ที่ 4.38 แสนล้านบาท เหตุปัจจัยเสี่ยงทั้งภายในและต่างประเทศเพียบทั้งสงครามการค้า ปิโตรเคมีขาลง พร้อมเร่งทรานสฟอร์มทุกปัจจัยภายในทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจจากผู้ผลิตเป็นผู้ส่งมอบโซลูชันและนวัตกรรมสินค้า-บริการครบวงจร
นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การเงินและการลงทุน บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC เปิดเผยว่า ในปีนี้ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงทั้งในและต่างประเทศทั้งสงครามการค้าสหรัฐฯกับจีน ธุรกิจปิโตรเคมีอยู่ในช่วงวัฏจักรขาลง รวมทั้งมีโอกาสที่จะรับผลกระทบหากงบประมาณภาครัฐในปี 2563 ล่าช้ากว่ากำหนด ดังนั้นบริษัทฯตั้งเป้ายอดขายปี 2563 ใกล้เคียงปีก่อนที่อยู่ระดับ 437,980 ล้านบาท แม้ว่าจะมีการปิดซ่อมบำรุงโรงงานมาบตาพุดโอเลฟินส์ราว 45 วันในช่วงไตรมาส 2/2563
ส่วนแนวโน้มส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีกับวัตถุดิบคือแนฟทา(สเปรด)มีทิศทางที่ดีขึ้น หลังจากสเปรดเม็ดพลาสติกHDPE ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ300 เหรียญสหรัฐต่อตัน เนื่องจากปัญหาสงครามการค้าเริ่มคลี่คลาย และเศรษฐกิจของสหรัฐฯและเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวขึ้น
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าในปีนี้ บริษัทฯตั้งวางงบลงทุนไว้ 60,000-70,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าของการก่อสร้างแล้วกว่า 30% และลงทุนโครงการมาบตาพุดโอเลฟินส์ ที่จ.ระยอง รวมถึงการขยายกำลังการผลิตโรงงานบรรจุภัณฑ์ที่ฟิลิปปินส์
จากความผันผวนของปัจจัยภายนอกต่าง ๆ ที่ควบคุมไม่ได้ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจทั่วโลกอย่างมากในปีที่ผ่านมา ดังนั้นในปี2563 บริษัทฯต้องเร่งปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้สู้ศึกดิสรัปท์ชันเหล่านั้นได้อย่างทันท่วงที และรักษาการเติบโตของธุรกิจไว้ได้อย่างยั่งยืน ด้วยการทรานสฟอร์มปัจจัยภายในทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ ทั้งธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ธุรกิจแพคเกจจิ้ง และธุรกิจ เคมิคอลส์ จากเดิมที่เป็นผู้ผลิตสินค้าเพียงอย่างเดียว มาเป็นผู้ส่งมอบโซลูชันและนวัตกรรมสินค้า-บริการ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มีความหลากหลายและเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาได้อย่างครบวงจร รวมทั้งสร้างมูลค่าให้ธุรกิจได้สูง ควบคู่กับการพัฒนาบุคลากร โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสม
สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2562 บริษัทฯมีรายได้จากการขาย 437,980 ล้านบาท ลดลง 8 %จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 32,014ล้านบาท ลดลง 28 %จากปีก่อน เนื่องจากผลประกอบการที่ลดลงของธุรกิจเคมิคอลส์
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัท ได้มีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2562 ในอัตราหุ้นละ 14บาท โดยบริษัทได้จ่ายเป็นเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกไปแล้วในอัตราหุ้นละ 7บาท เป็นเงิน 8,400 ล้านบาท และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 7บาท กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 27 เมษายน 2563