เมิร์ซ เอสเธติกส์ ผู้นำนวัตกรรมความงามจากเยอรมนี เตรียมรุกหนักตลาดไทยส่งกลยุทธ์ ‘Individual Beauty ผู้หญิงไทยสวยได้ในแบบของตัวเอง’ พร้อมผลักดันนวัตกรรมความงามระดับโลกที่ตอบโจทย์เทรนด์ความงามมาแรงในปี 2020 เจาะกลุ่มตลาดพรีเมียม พร้อมตั้งเป้าครองส่วนแบ่งทางการตลาด 20% ภายในสิ้นปี 2563 นี้ ปูทางสู่บริษัทนวัตกรรมความงามชั้นนำระดับประเทศ มุ่งทำรายได้ทะยานแตะ 1,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 ปี
จากแนวโน้มตลาดหัตถการความงามของไทยยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าตลาดพุ่งไปแตะถึง 5.2 พันล้านบาท และในปี 2562 ยังพบว่า 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ผลักดันการเติบโตของตลาด ได้แก่ โบทูไลนุม ท็อกซินโต 7% เดอร์มัล ฟิลเลอร์โต 9% และเครื่องยกกระชับโต 10% ตามลำดับ ซึ่งสอดคล้องกับจำนวนผู้บริโภคที่ขยายตัวและจำนวนคลินิกความงามที่เปิดตัวกว่าอีก 1,500 แห่งทั่วประเทศไทย ผู้บริโภคคนไทยมีความรู้สึกว่า ‘ความสวย’ ทำให้พวกเธอเกิดความรู้สึกภูมิใจ มั่นใจ และนับถือในตัวเองนำมาซึ่งความสุขในการใช้ชีวิต
สาวไทยในปัจจุบันให้ความสำคัญต่อความสวยในแบบของตัวเองมากขึ้น (Individual Beauty) นำมาซึ่งเทรนด์ The Best version of me คือ ดูเป็นธรรมชาติ ดูอ่อนกว่าวัย ด้วยผิวดูสุขภาพดี สดใส และมีความมั่นใจ
โดย 3 ปัญหาหลักที่พบในกลุ่มเป้าหมาย คือ 1. ริ้วรอย ตีนกา หน้าผาก 2. ใต้ตาลึกโบ๋ และ 3. ใบหน้าหย่อนคล้อย มีร่องแก้ม ไร้กรอบหน้า ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สาวๆ นิยมเลือกโปรแกรมเสริมความงามมากกว่า 1 อย่าง โดยไม่ลืมที่จะคำนึงถึง ความสวยสมาร์ท คือ ต้องสวยคุ้มและปลอดภัย ดังนั้น ผู้บริโภคจึงควรศึกษาและเลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ มีแพทย์ที่เชี่ยวชาญและมีเครื่องมือที่ได้มาตรฐาน ก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการทำสวยทุกครั้ง
เภสัชกรหญิง กิตติวรรณ รัตนจันทร์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมิร์ซ เอสเธติกส์ ไทยแลนด์ กล่าวว่า “เมิร์ซ เอสเธติกส์ มุ่งเน้นการขับเคลื่อนองค์กรด้วยนวัตกรรมความงามระดับโลก ด้วยเม็ดเงินลงทุนมากกว่า 3,800 ล้านบาท ในด้าน
การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง และนำเสนอ 6 แบรนด์ผลิตภัณฑ์ทั้งเครื่องมือแพทย์และเวชภัณฑ์ยาในระดับโกลบัล เพื่อความงาม อ่อนเยาว์ ตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้าแบบครบวงจร
สำหรับในประเทศไทย เราจะโฟกัสการนำเสนอผลิตภัณฑ์ 3 แบรนด์ด้วยกัน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มตลาดกำลังเติบโตสูง ได้แก่ เครื่องยกกระชับ สารฉีดลดริ้วรอย โบทูไลนุม ท็อกซิน และสารฉีดเติมเต็ม เดอร์มัล ฟิลเลอร์ นอกจากนี้ เรายังผลักดันการพัฒนานวัตกรรมความงาม ที่ตอบโจทย์เทรนด์ความงามของแพทย์ความงามและผู้บริโภคไทย เช่น โปรแกรมยกกระชับหน้าสำหรับผู้ชาย Ultherapy for Men, โปรแกรมเพื่อผิวใส Skin Radiance และโปรแกรมปรับรูปหน้าเรียว X Beauty ซึ่งจะเป็นโปรแกรมที่เราโฟกัสและทำการสื่อสารทางการตลาดตลอดระยะเวลา 6 เดือนหลังจากนี้ ผ่านการสื่อสารหลากหลายรูปแบบ ทั้งการแชร์ประสบการณ์จากผู้ใช้งานจริงและบล็อกเกอร์ การแนะนำจากคลินิกความงามชั้นนำ และการโฆษณาผ่านสื่อหลักทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เป็นต้น
ทั้งนี้ เราก็ไม่ลืมที่จะพัฒนาศักยภาพของทีมงานคนรุ่นใหม่ เพื่อเป็นการติดปีกทีมงานทุกคนให้มีความพร้อมและเตรียมรับการเติบโตที่จะเกิดขึ้น โดยเราตั้งเป้าที่จะครองพื้นที่ส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศไทย 20% ภายในสิ้นปีนี้ และก้าวสู่การเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ทยานแตะ 1,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 ปีนับจากนี้ ซึ่งในปัจจุบันเราเดินมาได้เกินครึ่งทางแล้ว ด้วยความร่วมมือจากพันธมิตรคลินิกความงามที่มีมากกว่า 900 แห่งทั่วประเทศ