รมว.พลังงาน สั่ง ปตท.เร่งลงทุนภายใน3เดือนฉวยจังหวะบาทแข็ง ทำให้ประหยัดเงินลงทุน ยอมรับสัญญาซื้อแอลเอ็นจีระยะยาวของ ปตท.แพง โดยปตท.รับปากจะเจรจาคู่ค้าบริหารสัญญาที่เหมาะสม เผยกบน. มีมติให้เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงทุกประเภท ในวันที่ 11 ม.ค. อัตรา 0.93 บาท/ลิตร ทำให้พรุ่งนี้ราคาขายปลีกน้ำมันปรับสูงขึ้น
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ได้ประชุมร่วมกับ ผู้บริหาร บมจ.ปตท. และบริษัทในกลุ่ม เพื่อเร่งรัดการลงทุนให้ทำแผนชัดเจนว่าใน 3 เดือนนี้จะเร่งดำเนินการอะไรได้บ้าง รวมทั้งการใช้หนี้ระยะสั้น เพื่อให้ใช้ประโยชน์จากกรณีบาทแข็งค่า ซึ่ง ปตท.นั้นมีเม็ดเงินลงทุนปีละนับแสนล้านบาท หากเร่งลงทุนได้ก็จะทำให้ กลุ่ม ปตท.เองประหยัดเม็ดเงินลงทุนเพราะซื้อสินค้าในรูปเงินตราต่างประเทศได้ในอัตราต่ำ ในขณะเดียวกันก็เป็นการช่วยเหลือประเทศ เพราะหากมีการใช้ดอลลาร์เพิ่มขึ้น ค่าเงินบาทจะได้อ่อนค่าลง
ส่วนกรณีที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้แนะนำให้มองไปถึงการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี ) สามารถเพิ่มการนำเข้าเพื่อใช้ประโยชน์ช่วงบาทแข็งค่าได้หรือไม่นั้น ทางกระทรวงฯได้รับนโยบาย โดยขอดูภาพรวมทั้งหมดซึ่งพบว่า ในขณะนี้ ราคาแอลเอ็นจี ราคาตลาดจร ( SPOT ) อยู่ในเกณฑ์ต่ำ ปี 2562 เฉลี่ยอยู่ที่ 5.5 ดอลลาร์สหรัฐ/ล้านบีทียู ต่ำกว่า ปี2561 ถึงร้อยละ 40 ซึ่งการดำเนินการจะเปิดเสรีจะเป็นรูปแบบใดนั้น จะต้องรอการทดสอบการนำเข้าของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ทดสอบน้ำเข้า 2 ลำเรือ ลำละ 65,000 ตันให้เสร็จสิ้นเสียก่อน ซึ่งลำแรกนำเข้ามาแล้วและลำที่2 จะนำเข้าในเดือน เมษายน 2563
ส่วนกรณีที่สัญญาระยะยาวของ ปตท.ที่นำเข้ามาอยู่ในเกณฑ์สูง รวม 5.2 ล้านตัน/ปี โดยเฉพาะการนำเข้าจากกาตาร์ สัญญาแรก 2 ล้านตัน/ปี ที่ กว่า 9 ดอลลาร์/ล้านบีทียู นั้น ในเรื่องนี้ เมื่อสถานการณ์โลกปรับเปลี่ยน ก๊าซฯแอลเอ็นจี สามารถจัดหาได้ปริมาณสูงขึ้นเพราะมีผู้ผลิต หรือ Supply มีมาก และราคาลดลง ดังนั้น ปตท.ได้แจ้งให้ทราบว่าจะเจรจากับคู่ค้า เพื่อบริหารสัญญาที่เหมาะสม ส่วนจะดำเนินการอย่างไร จะขอลดราคาหรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ปตท.ไปเจรจา
นายสนธิรัตน์ กล่าวต่อไปว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หรือ กบน. วันนี้(10ม.ค.)ได้พิจารณาสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกที่คลี่คลาย ลงจากการขัดแข้งในตะวันออกกลาง ระหว่าง สหรัฐและอิหร่าน ที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบลดลงอย่างรวดเร็ว จากที่ราคาน้ำมันดิบดูไบขึ้นเฉียด 70 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ก็ลดลงเหลือกว่า 66 ดอลลาร์/บาร์เรล และทำให้ผู้ค้าน้ำมันมีค่าการตลาดกว่า 2 บาทต่อลิตร ดังนั้น ที่ ประชุม กบน.จึงมีมติ ให้เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงทุกประเภท ในวันที่ 11 ม.ค. อัตรา 0.93 บาท/ลิตร เท่ากับอัตราเดิมที่ก่อนประกาศปรับลดราคาน้ำมันเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน 1 บาท/ลิตร วันที่ 26 ธ.ค.-10 ม.ค. ที่ลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ 0.93 บาท/ลิตร
อย่างไรก็ตาม จากค่าการตลาดที่อยู่ในอัตราสูง ดังนั้น เมื่อกองทุนฯเก็บเงินเพิ่มแล้ว ราคาน้ำมันขายปลีก จึงจะขยับขึ้นเพียง 0.50-0.60 บาทต่อลิตร ไม่ได้ปรับขึ้น 1 บาท/ลิตรแต่อย่างใด
ทั้งนี้ หลังจากเก็บเงินเข้ากองทุนฯในวันที่ 11 ม.ค.63 ในอัตรา0.93 บาท/ลิตรแล้วสภาพคล่องกองทุนน้ำมันฯจะมีรายจ่ายลดลงจาก 2,787 ล้านบาท/เดือน เหลือ 101 ล้านบาท /เดือน โดยฐานะกองทุนฯในวันที่ 9 ม.ค. มีเงินสุทธิ 37,075 ล้านบาท แบ่งออกเป็นบัญชีน้ำมัน 42,297 ล้านบาทและบัญชีก๊าซหุงต้ม ติดลบ 5,222 ล้านบาท