xs
xsm
sm
md
lg

สทนช.คุมเกมแก้ภัยแล้งเร่งด่วน เน้นน้ำอุปโภคบริโภค 43 จังหวัดเสี่ยงขาดน้ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พิจารณายุทธศาสตร์ ตั้งแต่รัฐบาล คสช.จนมาถึงรัฐบาลเลือกตั้งเป้าใหญ่ที่เน้นตลอดมานับแต่ปีแรกจนถึงปีนี้ คือ น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค รวมถึงการเก็บน้ำไว้ในแผ่นดิน โดยเฉพาะการพัฒนาแก้มลิงกักเก็บน้ำ ครัวเรือนเป็นเป้าหมายสำคัญของรัฐบาลที่จะต้องเข้าถึงน้ำอุปโภคบริโภคให้ได้ทั้งใน และนอกเขตการประปา

สถานการณ์น้ำปี 2563 อยู่ในขั้นวิกฤตจากฤดูฝนปี 2562 ที่มีปริมาณฝนน้อยกว่าค่าเฉลี่ยแม้จะมีฝนตกหนักจนท่วมก็กระจุกตัวเฉพาะบริเวณชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้น ไม่ว่ากรณี จ.อุบลราชธานี หรือ จ.นราธิวาส เมื่อถึงฤดูแล้ง 2562/2563 สภาพการขาดแคลนน้ำก่อรูปเป็นภาวะน้ำแล้งปรากฏชัดเจนเป็นวงกว้างทั่วประเทศ น้ำเพื่อการเกษตรในฤดูแล้ง 2562/2563 อยู่ในสภาพไม่เพียงพอตอบสนองความต้องการพื้นที่นาปรัง โดยเฉพาะในลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่ปลูกข้าวร่วม 3 ล้านไร่ น่าจะเสียหายจำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะนาปรังรอบที่สอง


ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) หน่วยงานกลางเรื่องน้ำ ระบุว่า น้ำเพื่ออุปโภคบริโภคมีความสำคัญอันดับแรก จึงต้องเร่งดำเนินการเป็นการด่วน ครอบคลุมพื้นที่ 43 จังหวัด ซึ่ง สทนช.ได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสำรวจความพร้อมของหน่วยงานดำเนินการป้องกันปัญหาพื้นที่เสี่ยงได้รับผลกระทบ ทั้งการปรับแผนจากงบปกติ คือ งบประมาณประจำปี 2563 มาเร่งดำเนินการในพื้นที่เสี่ยงขาดน้ำรุนแรงก่อนเป็นอันดับแรก โดยต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะ 1-2 เดือนนี้เพื่อเพิ่มแหล่งน้ำสำรองให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง รวม 1,337 โครงการ วงเงิน 2,950 ล้านบาท


อีกส่วนหนึ่งที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและงบประมาณปกติไม่เพียงพอ สทนช.ได้วิเคราะห์รวบรวมแผนงานโครงการของหน่วยงานต่างๆ ที่ไม่มีความซ้ำซ้อนกับงบประมาณปกติ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแผนงานปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง โดยระยะเร่งด่วนจะเน้นพื้นที่เสี่ยงขาดน้ำอุปโภค-บริโภคทั้งในเขตและนอกเขตการประปา รวม 2,041 โครงการ วงเงิน 3,079 ล้านบาท แบ่งเป็นในเขตพื้นที่บริการการประปา 50 โครงการ วงเงิน 1,159 ล้านบาท ดำเนินการโดยการประปาส่วนภูมิภาค พื้นที่นอกเขตจำนวน 1,991 โครงการ วงเงิน 1,920 ล้านบาท ดำเนินการโดย 4 หน่วยงาน ได้แก่หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองทัพบก กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มเติม เช่น การขุดเจาะบ่อบาดาล เชื่อมโยงแหล่งน้ำผิวดิน เป็นต้น


ทั้งนี้ ในแผนดังกล่าวได้ครอบคลุมสถานพยาบาลนอกเขตการประปาที่ต้องมีพร้อมให้บริการคนไข้ด้วยแล้ว ซึ่งมีจำนวน 7 โครงการ วงเงินประมาณ 24 ล้านบาท เนื่องจากโรงพยาบาลเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของรัฐบาลหลังจากเผชิญปัญหาทั้งอุทกภัยและภัยแล้งที่กระทบต่อการเข้าถึงน้ำสำหรับคนไข้ น่าจะเป็นครั้งแรกที่การประปาของสถานพยาบาลได้รับการจัดลำดับอยู่ในกลุ่มผู้บริโภคอย่างเป็นระบบและ ต่อเนื่องที่สุด


“สำหรับเงื่อนไขสำคัญในการพิจารณาโครงการเร่งด่วนเหล่านี้ คือต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำให้เป็นรูปธรรม ไม่เช่นนั้นชาวบ้านจะเดือดร้อนไม่มีน้ำอุปโภคบริโภคทันท่วงที” ดร.สมเกียรติกล่าว


ที่สำคัญ เมื่อถึงฤดูฝนกลับจะเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงอีก 2 เดือน เท่ากับทอดฤดูแล้งยาวนานต่อเนื่องอีกเป็น 8 เดือน การเร่งแก้ไขปัญหาน้ำอุปโภคบริโภคล่วงหน้าจึงต้องทำให้ได้ตามเส้นตาย 120 วัน โดยปรับทุกกระบวนท่า การประชุมหน่วยงานด้านน้ำที่เกี่ยวข้องเมื่อสัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคม 2562 ที่ผ่านมาของ สทนช. คือการเน้นย้ำ กำชับความพร้อมของแต่ละโครงการ โดยจะเสนอโครงการและงบประมาณแก้ไขภัยแล้งเร่งด่วนต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติงบกลางต่อไป รวมถึงเน้นย้ำให้หน่วยงานที่ได้รับงบประมาณปี 2563 เมื่อสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พิจารณาผ่านร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เรียบร้อยแล้วก็จะต้องเร่งรัดดำเนินการทันที โดยเฉพาะโครงการที่ต้องดำเนินการในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ 57 จังหวัด จำนวน 1,434 โครงการ วงเงินประมาณ 9,400 ล้านบาท เร่งดำเนินการปรับปรุง ซ่อมแซมพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำ ขุดลอกแหล่งน้ำ พัฒนาแก้มลิง ให้แล้วเสร็จก่อนฤดูฝนปี 2563 ซึ่งจะส่งผลให้สามารถเก็บกักน้ำได้เพิ่มขึ้น 135 ล้าน ลบ.ม. ประชาชนได้รับประโยชน์ 72,190 ครัวเรือน คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 166,300 ไร่


ภัยแล้งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ควบคุมไม่ได้ แต่การบริหารจัดการน้ำพื่อแก้ปัญหาเป็นเรื่องที่ สทนช. ในฐานะหน่วยงานกลางต้องบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไข ซึ่งเริ่มเข้ารูปเข้ารอยเป็นลำดับ มีทั้งแผนงานโครงการ และงบประมาณที่สอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกันชัดเจน


กำลังโหลดความคิดเห็น