การประชุม ASIA PACIFIC INITIATIVE FORUM (APIF) ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 6-8 ธันวาคม 2562 เป็นการประชุมระดับภูมิภาคครั้งสำคัญ ที่มีผู้นำธุรกิจ นักการทูต และตัวแทนจากประเทศต่าง ๆ กว่า 200 คนเข้าร่วมประชุม เพื่อหารือเกี่ยวกับโอกาสความร่วมมือในอนาคต ที่จะต้องรับมือกับภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปของเอเชีย โดยวันที่ 7 ธันวาคม 2562 นายทะดะชิ มะเอะดะ (Mr. Tadashi Maeda) ผู้ว่าการธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JBIC) และนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ ในฐานะผู้นำองค์กรธุรกิจชั้นนำจากประเทศไทย ได้รับเชิญให้อภิปรายร่วมกัน ในหัวข้อ “Connectivity in Asia recent developments in regional trade”
นายธนินท์ กล่าวว่า ประเทศญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในผู้นำเศรษฐกิจของโลก และเป็น 1 ใน 3 ผู้นำด้านเทคโนโลยีของโลก ซึ่งมีศักยภาพไม่แพ้จีนและสหรัฐอเมริกา โดยเทคโนโลยีของญี่ปุ่นเปรียบเสมือนเงิน ซึ่งคือโอกาสของญี่ปุ่น ยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีความร่วมมือระหว่างจีน รัสเซีย ญี่ปุ่น จะทำให้ญี่ปุ่นมีโอกาส 3 ด้านคือ เงิน ทุน เทคโนโลยี (Money, Fund, Technology) จึงมั่นใจว่าญี่ปุ่นต้องมีอนาคตที่สดใส
ตลอดระยะเวลา 70 ปี ที่ญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทย ถือเป็นเวลาที่ยาวนาน ซึ่งได้สร้างความเชื่อมั่นแก่คนไทย และคนไทยก็ยังชื่นชอบที่ญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในประเทศ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ จึงถือโอกาสกล่าวเชิญชวนให้นักลงทุนญี่ปุ่นให้เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น และแสดงความมั่นใจด้วยว่า นอกจากญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนเองแล้ว จะชวนสหรัฐฯ และเยอรมัน เข้ามาได้อีกด้วย
ญี่ปุ่นได้เห็นถึงความสำคัญของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ของประเทศไทย โดย JBIC ได้เข้ามาสนับสนุนอีอีซีอย่างเต็มที่ รวมถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ทำให้เกิดเป็นความร่วมมือระหว่างจีน ญี่ปุ่น และไทย
ประธานอาวุโสเครือซีพี มั่นใจว่าความสำเร็จของการร่วมมือในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินฯ จะดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ ให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น เพราะรถไฟความเร็วสูงฯ ระยะทาง 200 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่เศรษฐกิจขนาดใหญ่
นอกจากนี้ นายธนินท์ยังได้ตอบข้อซักถามเกี่ยวกับการสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนในอีอีซี ท่ามกลางการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ โดยกล่าวว่า การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทุกพื้นที่ สิ่งที่ทำได้คือการสนับสนุนให้ญี่ปุ่นและจีน มาถ่ายทอดและอบรมให้คนไทยได้เรียนรู้ ฝึกฝน อย่างเช่นรถไฟความเร็วสูงที่ไทยไม่มีประสบการณ์
“ความรู้ เทคโนโลยี และความร่วมมือของญี่ปุ่นกับไทย ถือเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาความร่วมมือของภูมิภาค และการที่ญี่ปุ่นมาลงทุนในอีอีซีร่วมกับประเทศอื่น ๆ ทำให้เกิดการสร้างมาตรฐานที่ชี้ให้เห็นว่าอีอีซีเป็นโครงการที่ดี” ประธานอาวุโสเครือซีพี กล่าว
นายธนินท์ยังแสดงความเห็นว่า ญี่ปุ่นมีความโดดเด่นทางด้านซอฟต์แวร์ อิเล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยี ขณะที่จีนมีต้นทุนที่ต่ำ ดังนั้น ความร่วมมือระหว่างจีน ญี่ปุ่น และไทย จะก่อให้เกิดโมเดลใหม่สำหรับประเทศไทย แต่สิ่งสำคัญก็คือ “การลงมือทำ” เพราะไม่มีโครงการไหนสำเร็จได้ถ้าปราศจากการลงมือทำ พร้อมกับย้ำว่า โอกาสการลงทุนของญี่ปุ่นคือการมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และมีเงินทุน ในขณะที่ทวีปยุโรป เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จึงต้องมีเทคโนโลยีอัตโนมัติ ซึ่งญี่ปุ่นก็ควรใช้หลักการเดียวกัน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการขาดแคลนแรงงาน นอกจากนี้ ประเทศอื่น ๆ ที่น่าสนใจในเอเชีย ได้แก่ อินเดีย จีน และอินโดนีเซีย