กัลฟ์ เอ็นเนอร์จีฯยันไม่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งและจีดีพีที่ปรับลดลง เหตุซื้อประกันความเสี่ยงforward hedging และธุรกิจไฟฟ้ามีสัญญาระยะยาวรวมทั้งมีการขยายการลงทุนไปต่างประเทศ ยันราคาหุ้นGULFไม่แพง
นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน)หรือGULF เปิดเผยว่า บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นรวมทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)ที่ปรับลดลงเหลือ2.6%เนื่องจากธุรกิจไฟฟ้ามีการทำสัญญาซื้อขายไฟระยะยาว และบริษัทมีการทำประกันความเสี่ยง Forward Hedgingทั้ง100% ขณะเดียวกันก็มีการขยายกานลงทุนไปต่างประเทศโดยไม่ผูกติดกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยเพียงอย่างเดียว
โดยการลงทุนในต่างประเทศก็มีการพิจารณาอย่างรอบคอบในการเลือกโครงการต้องมีผลตอบแทนที่ดีและประเทศที่เข้าไปลงทุนมีความเสี่ยงต่ำ โดยบริษัทได้เข้าไปลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่เวียดนาม และโรงไฟฟ้าในโอมาน
นอกจากนี้บริษัทได้ขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานทั้งโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด เฟส3 ,มอเตอร์เวย์ ซึ่งมีรายได้และกำไรที่ชัดเจนคล้ายกับธุรกิจไฟฟ้า กล่าวคือมีรายได้ที่สม่ำเสมอและความเสี่ยงต่ำ โดยบริษัทมีแผนลงทุน10ปีข้างหน้าที่ชัดเจน
ทั้งนี้ ราคาหุ้น GULF ล่าสุด170.50บาท/หุ้น มองว่าไม่แพง หากพิจารณาจาก P/E Growth อยู่ที่15-20เท่า จากผลประกอบที่เพิ่มขึ้นใน3-4ปีข้างหน้า ขณะที่ราคาตลาดต่อหุ้น(P/E)ตลาดอยู่ที่17-18เท่า