กัลฟ์-มิตซุยเซ็นสัญญาเงินกู้ 4.1หมื่นล้านบาทกับ 16 สถาบันการเงินไทยและต่างประเทศ ลุยโครงการโรงไฟฟ้าไอพีพี “กัลฟ์ ปลวกแดง” (GPD) คาดจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ปี 66-67 กัลฟ์ฯ ฟุ้งปีหน้าโกยรายได้โตแตะ 3.6 หมื่นล้านบาท จากปีนี้รายได้อยู่ที่ 3.3 หมื่นล้านบาท
วันนี้ (18 พ.ย.) บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF โดย นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วย นายโยชิโอะ โคเมตานิ กรรมการผู้อํานวยการฝ่ายปฏิบัติการโครงสร้างพื้นฐานธุรกิจ บริษัท มิตซุยแอนด์คัมปนี จำกัด ได้ลงนามสัญญาเงินกู้สำหรับโครงการโรงไฟฟ้ากัลฟ์ ปลวกแดง (GPD) ในวงเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 41,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสกุลเงินบาทร้อยละ 50 และสกุลเงินเหรียญสหรัฐร้อยละ 50 กับกลุ่มสถาบันการเงินทั้งในไทย และต่างประเทศ 16 แห่ง
นับเป็นโครงการลงทุนโรงไฟฟ้าไอพีพี โรงที่ 2 คาดเริ่มก่อสร้างในปีหน้า และจะแล้วเสร็จในปี 2566-2567 ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
นอกจากนี้ กัลฟ์ฯ ยังได้เข้าไปลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในไทยทั้งโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด เฟส 3, โครงการติดตั้งและบริหารระบบเก็บเงินมอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมา และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี ส่วนโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ขณะนี้อยู่กระบวนการศาลปกครอง
อย่างไรก็ตาม ใน 5 ปีข้างหน้าบริษัทยังเป็นบริษัทพลังงานเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานแค่ 5-10%
นายสารัชถ์กล่าวต่อไปว่า ในปี 2563 บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมอยู่ที่ 3.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าปีนี้ที่มีรายได้รวม 3.3 หมื่นล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ที่แล้วเสร็จ ทั้งโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในประเทศโอมาน ขนาดกำลังการผลิต 326 เมกะวัตต์ที่จะทยอยแล้วเสร็จ โรงไฟฟ้าชีวมวลที่ อ.จะนะ จ.สงขลา ขนาด 20 เมกะวัตต์ และพลังงานลมที่เวียดนาม
ขณะที่งบลงทุนในปี 63 บริษัทคาดว่าใช้เงินลงทุนประมาณ 2 หมื่นกว่าล้านบาท ทยอยลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าไอพีพีทั้ง 2 โครงการ โครงการท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 และโครงการที่ร่วมกับกลุ่มกิจการร่วมค้าบีจีเอสอาร์ (BGSR) เข้าร่วมประมูลโครงการติดตั้งและบริหารระบบเก็บเงินมอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมา และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี
ทั้งนี้ IPD เป็นบริษัทย่อยที่กัลฟ์ฯ และกลุ่ม Mitsui & Co., Ltd. ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 70.0 และร้อยละ 30.0 ตามลำดับ จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าไอพีพี 2 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวมทั้งสิ้น 5,300 เมกะวัตต์ ได้แก่ โครงการ GPD ที่ได้กล่าวไปในข้างต้น และโครงการ GSRC ขนาดกำลังผลิตติดตั้ง 2,650 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 1 อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างไปแล้วตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 และมีความคืบหน้าการก่อสร้างประมาณร้อยละ 39.5 ณ สิ้นเดือนกันยายน 2562 โดยมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2564 และปี 2565 ทั้งนี้ ทั้งสองโครงการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นระยะเวลา 25 ปี
สำหรับสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้ในครั้งนี้ ได้แก่ ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JBIC), ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB), ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน), ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน), ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (SMBC), ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน), ธนาคารออมสิน จำกัด, ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารโอเวอร์ซี ไชนีส แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (OCBC), ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM), ธนาคารมิซูโฮ จำกัด สาขากรุงเทพฯ, ธนาคาร ซูมิโตโม มิตซุย ทรัสต์ จำกัด สาขาสิงคโปร์ และ DZ Bank