บอร์ด กฟผ.ลุยขับเคลื่อนองค์กร กฟผ.รับยุคดิจิทัล จ่อตั้งคณะทำงานร่วมดึงคนรุ่นใหม่เปิดเวที Workshop ธ.ค.นี้หวังแสวงหาแนวทางยกระดับความทันสมัย มุ่งทำธุรกิจใหม่ๆ รักษาระดับการผลิตไฟฟ้าและหารายได้เพิ่ม ทั้งเล็งตั้งบริษัทเทรดดิ้ง บริษัทด้านนวัตกรรมไฟฟ้า ฯลฯ พร้อมจัดงาน EGAT Energy Forum 2019 โชว์สุดยอดนวัตกรรมพลังงาน
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงานและในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (บอร์ด กฟผ.) เปิดเผยหลังเป็นประธานเปิดงาน EGAT Energy Forum 2019 ซึ่งจัดโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ว่า ประมาณปลายเดือน พ.ย.นี้บอร์ด กฟผ.จะตั้งคณะทำงานร่วมกับผู้บริหารของ กฟผ. ตัวแทนจากสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กฟผ.(สร.กฟผ.) เพื่อที่จะปรับโครงสร้างองค์กร กฟผ.ให้ทันสมัยรองรับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่เป็นระบบไฟฟ้าดิจิทัล ทั้งนี้ เพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และรายได้ที่เพิ่มขึ้น
"คณะทำงานเมื่อตั้งเสร็จแล้วจะให้มีการเปิด Workshop หรือประชุมเชิงปฏิบัติการในเดือน ธ.ค. โดยให้ดึงคนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมต่อการปรับองค์กรและการทำงานให้มากขึ้นเพื่อให้องค์กรก้าวสู่ไฟฟ้าดิจิทัล โดยให้เสนอความเห็นในการระดมสมองเพื่อจะกำหนดเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป" นายกุลิศกล่าว
สำหรับการจัดตั้งบริษัทใหม่เพื่อรองรับธุรกิจซื้อขายไฟฟ้าต่างประเทศ (เทรดดิ้ง) บอร์ด กฟผ.ได้หารือเบื้องต้นแล้ว แต่ยังต้องหารือในรายละเอียดถึงการจัดตั้งว่าจะเป็นลักษณะของหน่วยธุรกิจ (BU) หรือในรูปแบบบริษัท รวมถึงการนำเทคโนโลยีระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาบริหาร Big Data เช่น ระบบส่งอัจฉริยะ (สมาร์ทกริด) เพื่อลดการสูญเสียในระบบส่ง รวมไปถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้านพลังงานทดแทน เป็นต้น ซึ่งเหล่านี้จะมีส่วนสำคัญต่อการรักษาระดับสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าและรายได้ของ กฟผ.ในทิศทางที่เพิ่มขึ้น
นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร รองผู้ว่าการธุรกิจเกี่ยวเนื่อง กฟผ. กล่าวว่า กฟผ.อยู่ระหว่างการหารายได้เพิ่มขึ้น โดยให้บริการบริหารจัดการและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า (O&M) โดยเฉพาะโรงไฟฟ้ากังหันลมและโรงไฟฟ้าพลังน้ำในประเทศลาว เนื่องจากมีโรงไฟฟ้าพลังงานลมเกิดขึ้นในประเทศและต่างประเทศมากขึ้น รวมถึงการจัดตั้งบริษัทด้านนวัตกรรมไฟฟ้าเพื่อดำเนินการรูปแบบผู้ประกอบการใหม่หรือสตาร์ทอัพ โดยอาศัยงานวิจัยและพัฒนาของ กฟผ.ที่มีจำนวนมากในปัจจุบัน และยังมองหาสตาร์ทอัพด้านไฟฟ้าอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อก้าวสู่การผลิตเชิงพาณิชย์
"กฟผ.มีพนักงานอยู่ประมาณ 20,000 คน จะมีผู้เกษียณอายุราว 1,200 คนในปีนี้และปีหน้า ซึ่งเรายังไม่มีนโยบายรับเพิ่ม ประมาณ 4-5 ปีข้างหน้า กฟผ.จะมีพนักงานเหลือ 15,000 คน ก็คิดว่าจะมีขนาดที่เหมาะสมต่อการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้น" นายบุญญนิตย์กล่าว
นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวว่า ปีงบประมาณ 2563 กกพ.อยู่ระหว่างปรับปรุงกฎหมายหลักๆ 35 ฉบับเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ธุรกิจพลังงานในปัจจุบัน อาทิ ใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติที่อาจจะมีแยกเป็น 2 ใบ รวมถึงการออกให้แก่ผู้ที่ใช้รถขนแทนจากปัจจุบันที่ให้เฉพาะที่ผ่านระบบท่อเท่านั้น เป็นต้น
"กรณีการเปิดเสรีธุรกิจก๊าซธรรมชาตินั้นคงอยู่ที่ระดับนโยบายว่าจะทำอย่างไรให้ชัดเจนมากขึ้นในขั้นตอนต่างๆ รวมถึงโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคาที่อยู่อาศัยหรือโซลาร์ภาคประชาชนที่ขณะนี้มีผู้สนใจยื่นไม่ถึง 5 เมกะวัตต์ ขณะที่เปิดรับ 100 เมกะวัตต์ก็ต้องรอนโยบายเช่นกัน" นายเสมอใจกล่าว