xs
xsm
sm
md
lg

“เอ็นเฮลท์” ขยายเฮลท์แคร์ ตปท. ทุ่มพันล้านผุดแล็บ-ศูนย์ฆ่าเชื้อในไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ณรงค์ฤทธิ์ กาละพุฒ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจสนับสนุนโรงพยาบาล 7.1 บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ บีดีเอ็มเอส/BDMS
ผู้จัดการรายวัน 360 - “เอ็น เฮลท์” ในเครือบีดีเอ็มเอส ทุ่มพันล้านบาทขยายศักยภาพ ทั้งการสร้างศูนย์แล็บขนาดใหญ่ ศูนย์ฆ่าเชื้อ รับตลาดบริการสุขภาพหรือเฮลท์แคร์โต รวมทั้งขยายต่างประเทศ ส่วนร้านขายยาเซฟดรักจะเพิ่มเป็น 200 สาขาในปีหน้า มั่นใจรายได้รวมปีนี้ทะลุ 5,200 ล้านบาท

นายณรงค์ฤทธิ์ กาละพุฒ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจสนับสนุนโรงพยาบาล 7.1 บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือบีดีเอ็มเอส/BDMS ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ บริษัท เนชั่นแนล เฮลท์แคร์ ซิสเท็มส์ จำกัด หรือเอ็นเฮลท์ ผู้ให้บริการด้านการสนับสนุนบริการทางการแพทย์และธุรกิจโรงพยาบาล เปิดเผยว่า เอ็นเฮลท์วางแผน 3 ปีจากนี้จะใช้งบลงทุนรวม 800-1,000 ล้านบาท ในการขยายธุรกิจเพื่อรองรับกับธุรกิจการให้บริการทางสุขภาพซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตดีต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 20% ต่อปี ด้วยมูลค่าตลาดรวมกว่า 300,000 ล้านบาท

ภาพรวมอุตสาหกรรมบริการด้านสุขภาพของประเทศไทยยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยปัจจัยหนุนจากนโยบายของภาครัฐผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบริการด้านการแพทย์ (เมดิคัลฮับ) ชั้นนำของโลก รวมทั้งการขยายตัวของโครงสร้างประชากรสูงวัยทั่วโลก และการที่ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามารับการรักษาหรือท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทย ทำให้โรงพยาบาลหลายแห่งทั้งภาครัฐและเอกชนขยายตัว และมีความต้องการผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเข้ามาดูแล เพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น

การลงทุนจะสร้างศักยภาพทั้งในตลาดประเทศไทย และการขยายตลาดต่างประเทศเพิ่ม จากเดิมมีธุรกิจแล้วด้วยการตั้งสำนักงานโฮลดิ้งคอมปานีที่สิงคโปร์และตั้งบริษัทลูกดำเนินธุรกิจที่กัมพูชากับพม่าแล้ว

ทั้งนี้ การลงทุนหลักๆ คือ การสร้างศูนย์ปฏิบัติการหรือศูนย์แล็บขนาดใหญ่เพิ่มอีกที่ระยองในปีหน้า และที่เชียงใหม่ปี 2563 จากเดิมมี 2 ที่ คือ กรุงเทพฯ กับหาดใหญ่ นอกจากนั้นจะลงทุนสร้างศูนย์ฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์เพิ่มอีก 2 ศูนย์ ที่ฝั่งธนฯ กับที่เชียงใหม่ จากเดิมมีที่หาดใหญ่ พัทยา ศรีนครินทร์ เป็นต้น นอกจากนั้นก็เป็นการลงทุนย่อยๆ เช่น ระบบไอที เทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆ การพัฒนาบุคลากร การจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ใหม่ๆ เป็นต้น

“ตลาดรวมเฮลท์แคร์เป็นตลาดที่มั่นคงและเติบโตในระยะยาว อีกทั้งคนในระดับชนชั้นกลางทั่วโลกเกิดขึ้นรวดเร็วมาก โดยเฉพาะในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่โตเร็วกว่า 12% ทุกปี และไทยเองก็เป็นตลาดผู้นำอันดับต้นๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้ เพื่อนบ้านหลัก 4 ประเทศอย่างซีแอลเอ็มวี คือ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม ส่วนใหญ่ก็จะพึ่งพาบริการทางการแพทย์ในไทยเป็นหลักเพราะมีความก้าวหน้ามากกว่า และอยู่ระหว่างศึกษากฎระเบียบในการลงทุนเพื่อขยายสาขาไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาค เช่น ประเทศอินโดนิเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ หลังจากได้เปิดสาขาไปยังประเทศ กัมพูชา และพม่าเรียบร้อยแล้ว” นายณรงค์ฤทธิ์กล่าว

คาดว่าเอ็นเฮลท์จะมีรายได้รวม 4,200 ล้านบาท เติบโต 17% จากปี 2560 ที่มีรายได้รวม 3,600 ล้านบาท จากอุตสาหกรรมธุรกิจสนับสนุนโรงพยาบาลรวมที่มีมูลค่า 11,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีพอร์ตรายได้หลักมาจากบริการการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ บริการทางวิศวกรรมทางการแพทย์ บริการผ้าและปราศจากเชื้อภายในโรงพยาบาล แบ่งเป็นลูกค้ากลุ่มโรงพยาบาลหรือบีทูบี สัดส่วน 95% และที่เหลือ 5% เป็นสัดส่วนกลุ่มผู้บริโภคหรือบีทูซี

ส่วนธุรกิจร้านขายยา เซฟดรัก จะเพิ่มเป็น 200 สาขาภายในปีหน้า จากปัจจุบันมีรวม 150 สาขา มีรายได้รวมปี 2561 นี้ประมาณ 1,100 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2560 ที่มีรายได้ประมาณ 975 ล้านบาท

นายณรงค์ฤทธิ์กล่าวว่า ในช่วงครึ่งหลังปี 2561 นี้ เอ็น เฮลท์ได้พัฒนาศักยภาพการบริการสนับสนุนทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนให้มีประสิทธิภาพด้วยระบบดิจิทัลมากขึ้น ขยายบริการไปสู่ลูกค้าที่เป็นผู้บริโภคผ่านช่องทางอี-คอมเมิร์ซ ซึ่งมีบริการตรวจสุขภาพที่สามารถไปตรวจถึงที่บ้าน และมีสินค้าเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ นำเข้าสินค้าที่มีความแตกต่างอย่างสินค้านวัตกรรมอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับตลาด

ทั้งนี้ หากทุกอย่างดำเนินไปตามแผนงาน คาดว่าในปี 2561 นี้บริษัทฯ จะมีรายได้รวมทั้งสองส่วน คือ เอ็นเฮลท์กับเซฟดรักประมาณ 5,200 ล้านบาท และในปีหน้าคาดว่ามีรายได้รวมสองบริษัทเพิ่มเป็น 6,000 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น