ธนพิริยะ จ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 15 สตางค์ หลังผลงานครึ่งแรกปี 61 รายได้จากการขายและบริการ 852 ลบ. โตกว่า 11% กำไรสุทธิอยู่ที่เกือบ 30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 3% ผู้บริหารเผยผลงานโตอย่างแข็งแกร่ง จากการเติบโตของสาขาเก่า และแผนการขยายสาขาเพิ่มต่อเนื่อง อีกทั้งได้ค่าสนับสนุนการขาย และการบริหารจัดการที่ดี หนุนอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 13.72%
นายธวัชชัย พุฒิพิริยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP เปิดเผยถึงผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2561 มีรายได้จากการขายและบริการ 852.36 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 767.18 ล้านบาท คิดเป็นการปรับเพิ่มขึ้น 11.10% กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 116.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 101.69 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 13.72% กำไรสุทธิอยู่ที่ 29.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 28.67 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 3.45%
สำหรับงวดไตรมาส 2/2561 มีรายได้จากการขายและบริการ 429.96 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 389.75 ล้านบาท คิดเป็นการปรับเพิ่มขึ้น 40.21 ล้านบาท หรือ 10.32% กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 58.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 51.54 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 13.63% กำไรสุทธิอยู่ที่ 13.90 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 1.56% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 14.12 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 3.21% เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพื่อสนับสนุนสาขาที่เติบโต ค่าเสื่อมราคาศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ และภาษีเงินได้เพิ่มขึ้นรวมจำนวนประมาณ 7.65 ล้านบาท เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น คณะกรรมการมีมติการจ่ายปันผลระหว่างกาล งวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2561 ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2561 เป็นเงินสด 0.015 บาทต่อหุ้น วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 17 สิงหาคม 2561 วันที่จ่ายปันผล 3 กันยายน 2561
“ผลงานที่ออกมาเป็นไปตามคาดหมาย รายได้จากการขายและการให้บริการเติบโต ส่วนใหญ่มาจากการขยายสาขาของบริษัทฯ และการพิ่มขึ้นของรายได้จากสาขาเก่า มีอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) อยู่ที่ราว 0.4% ขณะที่สัดส่วนต้นทุนขายและการให้บริการต่อรายได้จากการขาย และการให้บริการ ในงวดไตรมาส 2/2561 และในงวดครึ่งปีแรกของปี 2561 มีแนวโน้มลดลงอยู่ที่ร้อยละ 86.37 และร้อยละ 86.28 ตามลำดับ สะท้อนการบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ การขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่ารายได้จากการขายส่งของสำนักงานใหญ่ รวมทั้งการได้รับค่าสนับสนุนการขายจากผู้จำหน่าย สนับสนุนกำไรขั้นต้นเติบโตขึ้น” นายธวัชชัย กล่าว
เภสัชกรหญิง อมร พุฒิพิริยะ รองกรรมการผู้จัดการ เปิดเผยถึงแนวโน้มผลประกอบการงวดครึ่งปีหลัง คาดจะเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจ และเชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเดินทางมาเที่ยวที่เชียงรายเพิ่มมากขึ้นในปีนี้ทั้งคนไทย และชาวต่างชาติ ประกอบกับการติดตั้งเครื่องรูดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 10 สาขา เพื่อรองรับการเข้ามาใช้งานของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอย่างทั่วถึง
ในปี 2561 บริษัทฯ มั่นใจเป้าหมายรายได้ที่วางไว้จะเติบโตอีกร้อยละ 10-15 จากปีก่อนหน้าอยู่ที่ราว 1,600 ล้านบาท และตั้งงบลงทุนสำหรับการขยายสาขาเพิ่มไม่เกิน 100 ล้านบาท จำนวน 5 สาขา นับเป็นการขยายอย่างระมัดระวัง และรอบคอบ โดยปัจจุบันได้เปิดให้บริการเรียบร้อยแล้ว 2 สาขาในจังหวัดเชียงรายอีก 3 สาขาอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ส่งผลให้ ณ สิ้นปี ธนพิริยะ จะมีสาขารวมกันทั้งสิ้นจำนวน 24 สาขา จากเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมามี 19 สาขา แบ่งเป็นสาขาในจังหวัดเชียงราย จำนวน 22 สาขา และจังหวัดพะเยา อีก 2 สาขา รวมทั้งการบริหารสินค้าคงคลัง เพิ่มไลน์สินค้าใหม่เข้ามา เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น