“พาณิชย์” เผยเจรจา FTA ไทย-ศรีลังการอบแรกคืบ วางกรอบถก 13 ประเด็น พร้อมตั้ง 9 คณะทำงานหารือในประเด็นเทคนิค เตรียมลุยเจรจาทุก 2-3 เดือน ตั้งเป้าจบปี 63 ระบุไทยได้ประโยชน์ทั้งการส่งออก การลงทุน และท่องเที่ยว
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงผลการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-ศรีลังกา รอบแรก หลังจากที่ผู้นำทั้ง 2 ประเทศได้ประกาศเริ่มต้นการเจรจาว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปให้เริ่มการเจรจาใน 13 ประเด็น เช่น การค้าสินค้า กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า พิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า มาตรการเยียวยาทางการค้า มาตรการสุขอนามัย การค้าบริการ การลงทุน ทรัพย์สินทางปัญญา และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เป็นต้น และได้ตั้งคณะทำงาน 9 คณะ สำหรับเจรจาประเด็นเทคนิคต่างๆ รวมทั้งกำหนดปฏิทินการเจรจาในอนาคต โดยตกลงที่จะประชุมกันทุกๆ 2–3เดือน และตั้งเป้าที่จะสรุปผลการเจรจาให้ได้ภายในปี 2563
ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการค้าสองฝ่ายจาก 500 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2563 ตามที่ทั้งสองประเทศได้ตั้งเป้าไว้ด้วย
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ทั้งสองฝ่ายจะต้องแลกเปลี่ยนสถิติทางการค้า อัตราภาษี กฎระเบียบทางการค้าระหว่างกัน ตลอดจนร่างข้อบทในเรื่องต่างๆ เพื่อใช้ในการเจรจา FTA ไทย-ศรีลังกา ครั้งที่ 2 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในเดือน ก.ย. 2561
นางอรมนกล่าวว่า การเจรจาจัดทำ FTA ไทย-ศรีลังกาจะเป็นประโยชน์ต่อไทย เนื่องจากจะช่วยสร้างศักยภาพทางการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดศรีลังกา จากการลดเลิกภาษีและมาตรการที่มิใช่ภาษี โดยสินค้าศักยภาพของไทยที่น่าจะได้ประโยชน์ เช่น สินค้ากลุ่มยานยนต์ เครื่องจักรและเครื่องใช้ไฟฟ้า โลหะ น้ำตาล และพลาสติก เป็นต้น
นอกจากนี้ ศรีลังกายังมีวัตถุดิบและทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การเป็นฐานการผลิตและการลงทุนของไทยในหลายอุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร การประมง อัญมณีและเครื่องประดับ รวมถึงอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เนื่องจากศรีลังกามีลักษณะทางภูมิประเทศที่สวยงาม ประกอบกับมีสถาปัตยกรรมสมัยอาณานิคมที่สมบูรณ์ และเป็นสถานที่ประดิษฐานของพระเขี้ยวแก้ว ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาศรีลังกาเพิ่มขึ้นทุกปี