กรมธุรกิจพลังงานเตรียมเสนอ “กบง.” เดือนสิงหาคม ปรับสำรองน้ำมันทางกฎหมายโดยลดสำรองน้ำมันดิบโรงกลั่นจาก 6% เป็น 5% แต่เพิ่มสำรองน้ำมันสำเร็จรูปจาก 1% เป็น 2% หลังสถานการตลาดน้ำมันโลกเปลี่ยนแปลงแต่ภาพรวมสำรองตามกฎหมายยังคง 7% เพื่อความมั่นคง
นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า ธพ.เตรียมเสนอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง. ซึ่งมี นายศิริ จิรพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อปรับเปลี่ยนสำรองน้ำมันตามกฎหมายให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยจะลดสำรองน้ำมันดิบของโรงกลั่นจากปัจจุบันกำหนดไว้ 6% ของปริมาณการจำหน่ายเหลือ 5% และเพิ่มสำรองน้ำมันสำเร็จรูปจากปัจจุบัน 1% เป็น 2% ของปริมาณการจำหน่าย ซึ่งทั้งหมดยังคงทำให้ปริมาณสำรองน้ำมันภาพรวมของประเทศยังคงไว้ที่ 7% เหมือนเดิม
“การดำเนินงานจะไม่มีผลต่อราคาน้ำมันให้มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด เพราะไม่ได้นำเอาต้นทุนที่เพิ่มมาบวกไว้ในโครงสร้างราคาน้ำมันเพราะถือเป็นการลดลงในระดับที่ไม่มาก แต่ยอมรับว่าหากลดสำรองโรงกลั่นต่ำกว่า 5% จะมีผลต่อต้นทุน ดังนั้น ธพ.จึงต้องรอผลการศึกษาที่ได้ว่าจ้างที่ปรึกษาดูในเรื่องต้นทุนและผลกระทบในเรื่องนี้ก่อน คาดว่าจะเสร็จในปี 2562 ขณะเดียวกันก็จะต้องขอความเห็นกับสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)” นายวิฑูรย์กล่าว
ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงสำรองน้ำมันทางกฎหมายดังกล่าวเป็นการพิจารณาเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์น้ำมันโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ที่ปัจจุบันแหล่งน้ำมันดิบสามารถสั่งซื้อได้เพิ่มขึ้นไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแต่กับกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันโลก (โอเปก) หรือจากตะวันออกกลางเพียงส่วนเดียวเช่นอดีตที่ผ่านมา ดังนั้นจึงต้องทบทวนให้เหมาะสมที่คำนึงถึงความมั่นคงต้นทุนพลังงานที่จะส่งผ่านไปยังผู้บริโภค การแข่งขันในภาพรวมที่จะใช้ข้อมูลทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศมาประกอบด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้กลุ่มโรงกลั่นในประเทศและผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 ได้หารือกับ ธพ.ที่จะให้รัฐลดสำรองน้ำมันตามกฎหมายของภาคเอกชน โดยเฉพาะโรงกลั่นที่ต้องการลดสำรองน้ำมันดิบลงมา ซึ่งการหารือจึงได้ข้อสรุปที่ให้โรงกลั่นลดสำรองน้ำมันดิบจาก 6% เหลือ 5% แต่ให้เพิ่มสำเร็จรูปจาก 1% เป็น 2% ทั้งนี้ ในเดือน ก.ค. 2555 รัฐได้กำหนดเพิ่มสำรองน้ำมันดิบจาก 5% เพิ่มเป็น 6% เนื่องจากสถานการณ์คว่ำบาตรอาวุธนิวเคลียร์ในอิหร่านซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนั้นโรงกลั่นน้ำมันระบุว่าต้นทุนเพิ่มขึ้น 16 สตางค์ต่อลิตร และไม่ได้ปรับขึ้นราคาขายปลีกแต่อย่างใด และต่อมาเมื่อเดือน พ.ค. 2558 รัฐปรับลดสำรองน้ำมันสำเร็จรูปเหลือ 1% แต่คงสำรองของโรงกลั่นไว้ 6% เช่นเดิมทำให้สำรองทางกฎหมายรวมจะอยู่ที่ 25 วัน ซึ่งกลุ่มโรงกลั่นฯ ได้เสนอให้ทบทวนมาโดยตลอด โดยเห็นว่าการสำรองของโรงกลั่นและผู้ค้าน้ำมันสำเร็จรูปควรอยู่ในเกณฑ์เท่ากัน