GPSC แจงราคาซื้อหุ้น GLOW ที่ 96.50 บาท/หุ้น เหมาะสมด้วยวิธีคิดแบบ DCF เบื้องต้นกู้เงิน 1.42 แสนล้านบาท ซื้อหุ้น GLOW ทั้งหมดจะทำให้ D/E พุ่ง 4 เท่า แต่หลังจากบริษัทออกหุ้นกู้และเพิ่มทุนจดทะเบียนไม่เกิน 7.4 หมื่นล้านบาท ทำให้ D/E ลดลงต่ำกว่า 1 เท่า มีกระแสเงินสดเพิ่มและมีความสามารถในการกู้เพิ่มเพื่อใช้ลงทุนในอนาคตที่จะเน้นธุรกิจพลังงานทดแทนและแบตเตอรี่ เผยไตรมาส 4 นี้เตรียมบันทึกรับรู้รายได้และกำไรจาก GLOW เข้ามา
นายเติมชัย บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทได้ลงนามสัญญาซื้อหุ้นจำนวน 69.11% ของ บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW จาก Engie Global Developments B.V. ที่ราคาหุ้นละ 96.5 บาท มูลค่าประมาณ 97,560 ล้านบาทนั้น ถือเป็นราคาที่เหมาะสมตามการประเมินของสินทรัพย์ที่จะได้มา โดยพิจารณาจากกระแสเงินสดที่จะเข้ามาภายหลังการเข้าถือหุ้นเป็นที่เรียบร้อย (DCF) รวมทั้งใช้วิธีอื่นๆ ประกอบทั้ง P/E โดยยืนยันราคาซื้อหุ้น GLOW ดังกล่าวไม่สูงมากนักเมื่อเทียบจากราคาหุ้น GLOW ในกระดานเฉลี่ยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
สำหรับขั้นตอนของการดำเนินการในการเข้าซื้อหุ้นของ GLOW โดยจะต้องทำการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัท GPSC ในวันที่ 24 ส.ค.นี้เพื่อขออนุมัติการเข้าซื้อหุ้น จำนวน 69.11% จากผู้หุ้นเดิมของบริษัท GLOW และทำคำเสนอซื้อหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์กับผู้ถือหุ้นรายย่อย จำนวน 31% ช่วง ต.ค.-พ.ย. 61 รวมทั้งขออนุมัติขอวงเงินเพื่อการออกหุ้นกู้ หรือกู้ยืมวงเงินประมาณ 68,500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินการปรับโครงสร้างทางการเงินภายหลังการเข้าซื้อ GLOW แล้วเสร็จ และในช่วงต้นปี 2562 บริษัทเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อขออนุมัติการเพิ่มทุนไม่เกิน 7.4 หมื่นล้านบาท โดยดำเนินการเพิ่มทุนให้แล้วเสร็จในไตรมาสแรก ของปี 2562 ซึ่งขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกรายละเอียดการเพิ่มทุนได้
ส่วนการเพิกถอนหุ้น GLOW ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการพิจารณา
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะบันทึกรับรู้รายได้และกำไรจาก GLOW เข้ามาหลังดีลจบในไตรมาส 4/61 ซึ่งเป็นการรับรู้รายได้เพียงไตรมาสเดียวเท่านั้น แต่ในปี 2562 บริษัทจะมีรายได้และกำไรเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะรับรู้รายได้จาก GLOW เต็มปี ซึ่งในปี 2560 GLOW มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี (EBITDA) ราว 1.8 หมื่นล้านบาท มากกว่า GPSC ที่มี EBITDA ปีละ 4-5 พันล้านบาท หรือโตกว่า 3 เท่า
นายเติมชัยกล่าวว่า ส่วนแผนเงินกู้ระยะสั้น เพื่อเข้าซื้อกิจการ 142,500 ล้านบาทในครั้งนี้ได้วางแผนในการจัดหาแหล่งเงินโดยใช้เงินกู้ระยะสั้นจากสถาบันการเงิน และ/หรือผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ ปตท. โดยยืนยันว่าอัตราดอกเบี้ยไม่ได้สูงเหมือนที่หลายฝ่ายประเมิน แต่จะมีผลทำให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ปรับเพิ่มขึ้นจาก 0.3 เท่ามาอยู่ที่ 4 เท่าในสิ้นปี 2561 แต่หลังจากบริษัทออกหุ้นกู้หรือกู้เงินระยะยาวประมาณ 68,500 ล้านบาทและดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อคืนหนี้ระยะสั้นที่กู้ซื้อ GLOW แล้ว บริษัทจะมี D/E ลดลงต่ำกว่า 1 เท่า ทำให้บริษัทมีศักยภาพที่จะกู้ยืมเงิน รวมทั้งกระแสเงินจากการดำเนินงานที่เพิ่มสูงขึ้นมาก ทำให้บริษัทมีความสามารถในการลงทุนโครงการใหญ่ๆ ในอนาคตได้
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาตามแผนงานในปีหน้า ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าไซยะบุรี และโครงการโรงไฟฟ้าน้ำลิก ที่ สปป.ลาว โครงการ SPP ที่มาบตาพุด รวม 400 เมกะวัตต์ รวมกับ GLOW ทำให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งเป้ามีกำลังการผลิตรวม 500 เมกะวัตต์ เร็วกว่าแผนที่วางไว้ใน 5 ปี คงต้องมีการปรับเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
นายเติมชัยกล่าวว่า หลังจากบริษัทฯ เข้าไปถือหุ้นใหญ่ใน GLOW แล้วจะเร่งดำเนินการเพื่อหาประโยชน์ร่วมกัน หรือ Synergies เพื่อให้ต้นทุนการผลิตลดต่ำลงและการบริหารงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย GPSC ไม่มีแผนที่จะปลดพนักงาน GLOW เนื่องจากธุรกิจเติบโตขึ้นโดยมีกำลังผลิตเพิ่มขึ้นมาเป็น 4,835 เมกะวัตต์ จากปัจจุบัน 1,940 เมกะวัตต์ เพียงแต่จะปรับรูปแบบการทำงาน เนื่องจากอนาคตบริษัทจะเน้นการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและธุรกิจกักเก็บพลังงานหรือแบตเตอรี่
ส่วนกรณีที่โรงไฟฟ้า SPP ของ GLOW เดินเครื่องผลิตมานานใกล้หมดสัญญาซื้อขายไฟกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นั้น นายเติมชัยกล่าวว่า แม้ว่าโรงไฟฟ้า SPP ของ GLOW จะมีอายุการขายไฟให้ กฟผ.เหลืออีกไม่กี่ปี แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะสามารถขายไฟให้กับภาคอุตสาหกรรมที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยที่ผ่านมา GLOW มีการปรับปรุงโรงไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ไม่มีปัญหาการจ่ายไฟให้แก่ลูกค้า ทำให้บริษัทมีลูกค้าที่ใช้ไฟฟ้านอกกลุ่ม ปตท.เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งการควบรวมกิจการ GLOW เข้ามาจะทำให้จะทำให้โครงข่ายไฟฟ้ามีประสิทธิภาพและความมั่นคงสูงรองรับการเติบโตของ จังหวัดระยอง ชลบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง
“ปัจจุบัน GPSC เป็นบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าใหญ่อันดับ 6 ของประเทศ แต่เมื่อซื้อหุ้น GLOW เข้าแล้วทำให้เป็นบริษัทผลิตไฟฟ้าใหญ่อันดับ 3 แต่หากนับไลเซนส์โรงไฟฟ้าไอพีพีที่อยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 5 พันเมกะวัตต์ GPSC จะใหญ่เป็นอันดับ 4 รวมทั้งบริษัทไม่ใช่รัฐวิสาหกิจเพราะ ปตท.ถือหุ้น 22% ซึ่งการซื้อ GLOW จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่อีอีซี”