“อุตตม” นำทีมแจงทูต 55 ประเทศ รัฐบาลไทยพร้อมเดินหน้าโครงการอีอีซี หลัง พ.ร.บ.มีผลบังคับใช้ปรับเข้าสู่โหมดภาคปฏิบัติอย่างแท้จริง ไม่ต้องกังวลแม้การเมืองกำลังเข้าสู่การเลือกตั้ง ทุกอย่างจะไม่เปลี่ยนแปลง แจง 8 โครงการหลักจะสรุปได้ปีนี้แน่นอน พร้อมเดินสายโรดโชว์เปิดทางการลงทุนจากทั่วโลกประเดิมอังกฤษ ฝรั่งเศส ปลายเดือนนี้
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า วันนี้ (7 มิ.ย.) รัฐบาลโดยสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานนโยบายเขตพิเศษภาคตะวันออก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันจัดงาน “The Eastern Economic Corridor (EEC) : Taking Off “ ให้แก่คณะผู้แทนทางการทูตและกงสุลประจำการในประเทศไทยเข้าร่วมประมาณ 55 ประเทศทั่วโลก รวมถึงสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ เพื่อให้รับทราบถึงนโยบายการพัฒนาโครงการอีอีซีที่รัฐบาลไทยที่ไทยเตรียมพร้อมจะขับเคลื่อนไปสู่โหมดการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ภายหลังจากที่พระราชบัญญัติอีอีซีมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา
“ก่อนหน้าเรามักจะเจอคำถามจากนักลงทุนเป็นส่วนใหญ่ว่าจะมีความต่อเนื่องโครงการนี้หรือไม่ กฎหมายอีอีซีจะผ่านหรือยัง วันนี้เราได้พิสูจน์ให้เห็นว่า พ.ร.บ.อีอีซีมีแล้ว และเราจะทำให้เห็นถึงความต่อเนื่องของโครงการต่างๆ ดังนั้นก็เชื่อว่าโครงการต่างๆ ในอีอีซีไม่ว่ารัฐบาลไหนมาก็จะเดินหน้าต่อเนื่องและทุกอย่างจะเป็นไปตามโรดแมปที่วางไว้” นายอุตตมกล่าว
ทั้งนี้ ได้ชี้แจงให้ต่างประเทศรับทราบว่าไทยมีแผนที่จะเดินทางไปโรดโชว์ยังต่างประเทศมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ดังนั้น กระทรวงการต่างประเทศ คณะทูตต่างๆ จะสามารถอัปเดตข้อมูลและการเตรียมพร้อมสำหรับภาคเอกชนของแต่ละประเทศที่มีความสนใจในการเข้าร่วมลงทุนในโครงการอีอีซี ล่าสุดนายกรัฐมนตรีและคณะเตรียมจะเดินทางไปโรดโชว์ที่อังกฤษ และฝรั่งเศส ปลายเดือนนี้ จะมีคณะนักธุรกิจไทยเข้าร่วมเดินทางไปด้วย ขณะเดียวกันก็มองการโรดโชว์ในแถบเอเชียทั้งเกาหลีใต้ จีน ญี่ปุ่น โดยวันที่ 11 มิ.ย.ตนได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีไปร่วมงานนิเคอิ ฟอรัม ที่ญี่ปุ่นก็จะถือโอกาสนี้ชักชวนการลงทุนในอีอีซีด้วย
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐทราบว่าทูตกังวลความไม่ต่อเนื่องของอีอีซีเพราะไทยจะมีการเลือกตั้งในปีหน้า ดังนั้นจึงชิงตอบประเด็นนี้ก่อนที่จะถูกถามโดยยืนยันว่าแม้ไทยกำลังเข้าสู่การเลือกตั้งแต่โครงการอีอีซีจะเดินไปตามแผนงานเพราะมีกฎหมายที่เขียนไว้ชัดเจนยากที่จะเปลี่ยนแปลงและการอนุมัติต่างๆ อาจมีความล่าช้าหากไม่ใช่รัฐบาลปัจจุบันจึงเป็นที่มาทำให้รัฐจะเร่งสรุปผู้ชนะประมูลและเอกชนดำเนินการ 8 โครงการภายในปีนี้ ได้แก่ (1. รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (2. โครงการสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก (3. ศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) (4. ท่าเรือแหลมฉบังระยะ 3 (5. ท่าเรือมาบตาพุดระยะ 3 (6. เมืองอัจฉริยะ (สมาร์ทซิตี้) (7.เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) และ (8. เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EECi)
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) กล่าวตอบคำถามว่า ขั้นตอนจากนี้รัฐบาลไทยจะเร่งขับเคลื่อนโครงการหลักๆ โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน 5 โครงการ และขณะนี้รัฐบาลกำลังพิจารณาในส่วนของสมาร์ทซิตี้ที่จะดำเนินการ 2 แบบ คือ เอกชนเป็นผู้ดำเนินการเองแต่รัฐบาลจะร่วมส่วนหนึ่ง และ 2. รัฐบาลจะพัฒนาเองที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาพื้นที่อยู่
น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)กล่าวว่า สิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุนบีโอไอได้มีแพคเกจส่งเสริมฯ อยู่แล้ว ชัดเจน โดยคาดว่าปีนี้การยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอจะเป็นไปตามเป้าหมาย 7.2 แสนล้านบาท โดยจำนวนดังกล่าวจะเป็นการลงทุนในอีอีซีไม่น้อยกว่า 3 แสนล้านบาท
