กกร.เตรียมปรับเป้าหมายการเติบโตเศรษฐกิจไทยปีนี้ใหม่ในการประชุมครั้งหน้า 3 ก.ค. หลังสัญญาณไตรมาสแรก GDP โต 4.8% และสินค้าคงคลังพุ่งสุดรอบปีนี้ แต่แม้เศรษฐกิจดีแต่ยังโตกระจุก สภาหอฯ จับมือ ส.อ.ท.เร่งหามาตรการทำให้เศรษฐกิจลงสู่ฐานราก
นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า การประชุม กกร.ในวันที่ 3 ก.ค.จะทบทวนตัวเลขเศรษฐกิจใหม่ จากขณะนี้ที่ประมาณการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ปีนี้จะขยายตัวในอัตรา 4-4.5% การส่งออกโต 5-8% อัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบ 0.7-1.2%
“การทบทวนตัวเลข GDP ครั้งนี้เรามองว่ามีโอกาสที่จะขยายตัวในทิศทางที่จะเป็นไปในกรอบบนที่ 4.5% จากเศรษฐกิจไตรมาสแรกปีนี้ที่เติบโตถึง 4.8% และยังมีการสะสมสินค้าคงคลังไตรมาสแรกปีนี้ที่สูงสุดในรอบปีนี้ โดยครั้งนี้ยังคงกรอบเดิมเพราะ กกร.จะปรับตัวเลขประมาณการรายไตรมาส” นายปรีดิกล่าว
อย่างไรก็ตาม กกร.ได้แสดงความเห็นว่าเศรษฐกิจไทยมีการขยายตัวดีแต่เป็นการขยายแบบกระจุกตัวไม่กระจายรายได้สู่เศรษฐกิจฐานรากนัก ซึ่ง กกร.จะหารือถึงผลกระทบดังกล่าวและหามาตรการแก้ไขเพื่อนำเสนอต่อภาครัฐต่อไป
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สิ่งที่ต้องติดตามขณะนี้คือราคาสินค้าเกษตรบางรายการที่ยังคงอยู่ระดับต่ำ คือ ราคายางพารา ปาล์ม รวมถึงล่าสุดราคากุ้งเริ่มมีปัญหา เหล่านี้ยังคงทำให้เศรษฐกิจยังคงขยายแบบกระจุกตัว กกร.ได้หารือเบื้องต้นว่าจะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจที่เติบโตกระจายสู่ฐานราก
“กกร.หารือว่าจะดำเนินการทำอย่างไรให้เศรษฐกิจลงสู่ฐานราก เช่นกรณีของเน็ตประชารัฐ ในเมื่อรัฐสนับสนุนให้เกิดขึ้นในหมู่บ้านจะทำอย่าไรให้ประชาชนใช้ประโยชน์ค้าขายผ่านออนไลน์ และเอกชนทั้งสภาหอฯ และ ส.อ.ท.อาจจะช่วยกันออกแบบแพกเกจจิ้ง ทำสินค้าให้ขายได้ตรงกับตลาด ซึ่งจะทำให้เร็วสุด” นายกลินท์กล่าว
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า กกร.ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อขับเคลื่อนให้มีการจัดทำบัญชีเล่มเดียวของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ให้เป็นไปอย่างราบรื่น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงยังคงเป็นสินค้าเกษตรบางรายการตกต่ำ และราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นที่จะเป็นแรงกดดันต่อกำลังซื้อในครึ่งปีหลัง
ส่วนกรณีที่มีกระแสว่ารัฐบาลอาจปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขณะนี้ยังไม่รู้ว่ารัฐบาลจะมีการปรับ ครม.หรือไม่ ซึ่งรัฐบาลก็มีการกำหนดวันเลือกตั้งไว้ชัดเจนแล้ว ส่วนตัวคิดว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้ไม่น่าจะช่วยให้ ครม.ใหม่เข้ามาสานงานได้ทันและต่อเนื่อง เพราะเหลือระยะเวลาทำงานเพียงสั้นๆ ก็จะมีการเลือกตั้งและมีรัฐบาลใหม่เข้ามาทำงานแล้ว จึงมองว่า ครม.ชุดปัจจุบันก็ยังน่าจะเดินหน้าทำงานต่อไปได้ดี