หอการค้าไทยมั่นใจจีดีพีปีนี้โต 3.5-4% หลังเห็นสัญญาณการค้าโลกฟื้น ส่งออกดีขึ้น แถมผลงานรัฐบาลในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สามารถสร้างความมั่นใจให้แก่ภาคเอกชน เตรียมแผนช่วยผู้ประกอบการปรับตัวรับศึกการค้าโลกยุคดิจิตอล
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย และ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวในกรอบ 3.5-4% เพราะได้รับปัจจัยบวกจากภาคส่งออกที่เริ่มกลับมาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการค้าโลกที่เริ่มมีเสถียรภาพ ประกอบกับ ภาคเอกชนคลายความกังวลจากนโยบายการค้าของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่แสดงท่าทีต่อไทยดีขึ้น หลังจากได้โทรศัพท์มาเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์อาชา นายกรัฐมนตรี ไปเยือนทำเนียบขาวโดยตรง และปัจจัยภายในของไทย ที่มีแนวโน้มดีขึ้น ทั้งเศรษฐกิจ และนโยบายลงทุนของภาครัฐ ทำให้ภาคเอกชนมีความเชื่อมั่น
ส่วนผลการทำงานของรัฐบาลช่วง 3 ปี ยังเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนให้เอกชนมีความเชื่อมั่น และเห็นภาพของแผนงานการลงทุนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างเป็นรูปธรรม เพราะรัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลชุดแรกที่จัดตั้งคณะทำงานร่วมกับเอกชน คือ คณะทำงานสานพลังประชารัฐ ทำให้การทำงานร่วมระหว่างภาครัฐ และเอกชน ในช่วงที่ผ่านมาใกล้ชิดกันมากขึ้น เกิดผลบวกในแง่ของแผนการลงทุนที่เอกชนจะจัดทำในอนาคต เพราะได้เข้าไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนพัฒนาประเทศ ส่วนการแก้ปัญหาเพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดทำธุรกิจของภาครัฐ ถือเป็นผลงานที่ชัดเจน ทำให้เอื้อต่อการลงทุน
นายกลินท์กล่าวว่า สำหรับแผนงานที่หอการค้าจะพัฒนาเพื่อสนับสนุนการทำธุรกิจของสมาชิก ภายใต้สภาพแวดล้อมและสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ประกอบกับเทคโนโลยีและดิจิตอลมีความสำคัญมากขึ้น หอการค้าไทยจะเน้นกระตุ้นให้สมาชิกตื่นตัวทำธุรกิจ E-Commerce สำหรับ 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ การค้าและลงทุน, เกษตรและอาหาร และท่องเที่ยวและบริการ เพราะเป็นจุดแข็งของไทย มีสัดส่วนมูลค่าทางเศรษฐกิจในผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เกินกว่าครึ่งของประเทศ
โดยทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจจะเน้นการพัฒนาในเชิงเศรษฐกิจสร้างสรรค์, การสร้างมูลค่าให้กับวัฒนธรรม และวิถีชีวิตของไทย, การทำการค้าขายผ่านออนไลน์ และการใช้แนวทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการ ทั้งที่เป็นสมาชิกของหอการค้าที่กว่า 100,000 ราย และผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) อื่นๆ โดยคาดว่า ภายใน 2 ปี จะยกระดับความสามารถผู้ประกอบการได้ 50% หรือราว 50,000 ราย ของสมาชิกทั้งหมด 100,000 รายทั่วประเทศ สร้างจีดีพีส่วนเพิ่มให้กับประเทศได้ 20,000-30,000 ล้านบาท หรือทำให้จีดีพีเพิ่มขึ้นอีก 0.2%