ข้อมูลทะลักสวน “พาณิชย์” เตรียมชง กนป.ช่วยปาล์มตกต่ำ ปูดสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ มี.ค.พุ่งทะลุ 4.5 แสนตัน กดราคาผลปาล์มดิบดิ่งต่ำสุดเหลือกิโลฯ ละ 2.40 บาท สวนทางราคาแนะนำ 3.40 บาท แฉซ้ำโรงงานรวมหัวขึ้นป้ายรับซื้อแค่ 3.00-3.10 บาท พอไปขายจริงเจอกดเปอร์เซ็นต์น้ำมันอีก สุดท้ายขายได้แค่ 2.80-2.90 บาทเท่านั้น ส่วนการเร่งระบายสต๊อกก็สุดอืด ส่งออกได้น้อย ในประเทศใช้ลดลง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์เตรียมที่จะนำเสนอมาตรการช่วยเหลือราคาผลปาล์มดิบตกต่ำให้คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) พิจารณา ล่าสุดได้มีการนำเสนอข้อมูลต้นเหตุที่ทำให้ราคาปาล์มตกต่ำออกมาอีก ก็คือ ปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตัวเลขเดือน มี.ค. 2561 มีสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในปริมาณ 4.5 แสนตัน เพิ่มขึ้นจากเดือน ก.พ. ที่มีปริมาณ 4 แสนตัน และเดือน ม.ค.ที่มีปริมาณ 4.23 แสนตัน แยกเป็นสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบของโรงงานสกัด 1.53 แสนตัน สต๊อกโรงกลั่น 1.49 แสนตัน สต๊อกโรงไบโอดีเซล 3.60 หมื่นตัน และคลังรับฝาก 1.11 แสนตัน ซึ่งถือเป็นปริมาณสต๊อกที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าปกติที่ควรจะมีไม่เกิน 2-3 แสนตัน และถือเป็นแรงกดดันทำให้ราคาปาล์มดิบปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ จากปริมาณสต๊อกที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวทำให้โรงงานสกัดชะลอการรับซื้อผลปาล์มดิบจากเกษตรกร ทำให้เกษตรกรไม่สามารถจำหน่ายผลผลิตได้ และส่งผลให้ราคาตกต่ำลงต่อเนื่อง โดยราคาล่าสุดบางจังหวัดตกลงไปถึงกิโลกรัม (กก.) ละ 2.40 บาท หรือเฉลี่ยขายได้ที่ กก.ละ 2.80-2.90 บาท ซึ่งไม่เท่ากับที่กรมการค้าภายในประกาศราคาแนะนำที่ กก.ละ 3.40 บาท ที่เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 18%
กลุ่มเกษตรกรจาก จ.ชุมพรได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ราคาผลปาล์มดิบที่เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 18% ควรจะขายได้ที่ 3.40 บาทตามราคาแนะนำ แต่โรงงานกลับรวมตัวกันรับซื้อที่ กก.ละ 3.00-3.10 บาท ซึ่งกรมการค้าภายในก็ไม่เคยเข้าไปดูแล และพอเกษตรกรนำผลผลิตไปขายก็ไม่สามารถขายในราคาที่กำหนดได้เพราะจะถูกโรงงานหักเปอร์เซ็นต์น้ำมันลงไปอีก ส่วนใหญ่แม้เปอร์เซ็นต์น้ำมันจะเกิน 18% บางรายทำได้สูงถึง 20% แต่ก็จะถูกกดเหลือแค่ 17% ทำให้ขายได้เฉลี่ย กก.ละ 2.80-2.90 บาทเท่านั้น ถือเป็นการเอาเปรียบเกษตรกร และยังพบว่าโรงงานในพื้นที่ก็ใช้วิธีในการรับซื้อเหมือนกันทุกโรงงาน คือขึ้นป้ายแสดงราคาไว้ แต่เกษตรกรไม่สามารถขายได้ราคาตามป้าย
นอกจากนี้ ยังพบว่าการเร่งระบายสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบก็เป็นไปด้วยความล่าช้า โดยในเดือน มี.ค. 2561 มีการส่งออกได้แค่ปริมาณ 4.56 หมื่นตัน ลดลงจากการส่งออกในเดือน ก.พ.ที่มีปริมาณส่งออก 5.5 หมื่นตัน และเดือน ม.ค.ส่งออก 8.64 หมื่นตัน ขณะที่ความต้องการใช้ในประเทศก็ลดลง โดยเดือน มี.ค.ใช้เพื่อการบริโภคและอุตสาหกรรมอื่นๆ ปริมาณ 1 แสนตัน ลดลงจากเดือน ก.พ.ที่มีปริมาณการใช้ 1.12 แสนตัน และเดือน ม.ค.มีการใช้ 1.23 แสนตัน ส่วนการใช้เพื่อไบโอดีเซลเดือน มี.ค.มีปริมาณ 9.88 หมื่นตัน เพิ่มขึ้นจากเดือน ก.พ.ที่มีปริมาณการใช้ผลิตไบโอดีเซลปริมาณ 9.19 หมื่นตัน ส่วนเดือน ม.ค.มีการใช้น้ำมันดิบผลิตไบโอดีเซลปริมาณ 9.85 หมื่นตัน