xs
xsm
sm
md
lg

สาวก “โอนิซึกะไทเกอร์” เฮ ผุดแฟลกชิปสโตร์ใหญ่สุดที่ไทย ยกไทยตลาดยุทธศาสตร์อาเซียน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

โยเกซ คานธี (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสิกส์ เอเซีย พีทีอี จำกัด บริหารแบรนด์ เอสิกส์ เอสิกส์ไทเกอร์ และโอนิซึกะไทเกอร์
ผู้จัดการรายวัน 360 - “โอนิซึกะไทเกอร์” รุกหนัก บริษัทแม่ชูไทยตลาดยุทธศาสตร์สำคัญในอาเซียน ผุดแฟลกชิปสโตร์ใหญ่ที่สุดที่สยามเซ็นเตอร์ รับตลาดโต 30% และเป็นแฟชั่นฮับ



นายโยเกซ คานธี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสิกส์ เอเซีย พีทีอี จำกัด บริหารแบรนด์ เอสิกส์ เอสิกส์ไทเกอร์ และโอนิซึกะไทเกอร์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ มองประเทศไทยเป็นตลาดยุทธศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งในกลุ่มเซาท์อีสต์เอเชียหรืออาเซียนของตลาดรองเท้าแบรนด์โอนิซึกะไทเกอร์ เป็นตลาดที่มียอดขายเติบโตมากที่สุดเฉลี่ย 30% มาอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะเป็นอย่างนี้อีก 2-3 ปี ซึ่งไทยเป็นแฟชั่นฮับที่สำคัญของอาเซียนด้วย

อีกทั้งยังเป็นตลาดที่เติบโตเร็วทั้งทางด้านยอดขายและสาขาอีกด้วย โดยมีสาขาประมาณ 12 แห่งที่เป็นชอป และอีก 40 จุดขายในไทย เป็นรองเพียงแค่ประเทศฟิลิปปินส์ที่มี 15 สาขาที่เป็นชอป โดยรวมแล้วในอาเซียนมีสาขาของโฮนิซึกะรวมประมาณ 40 แห่ง ซึ่งไทยเป็นแฟชั่นฮับที่สำคัญของอาเซียนด้วย

“บริษัทแม่จึงได้เลือกไทยเป็นฐานในการทำตลาดและเปิดสาขาแฟลกชิปสโตร์โอนิซึกะไทเกอร์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สยามเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางแฟชั่นและชอปปิ้งของกรุงเทพฯ พื้นที่รวม 237 ตารางเมตร มีสินค้าครบสมบูรณ์แบบ และวางแผนที่จะขยายชอปในไทยในปี 2561 นี้อีก 4 สาขา ที่ เซ็นทรัลเฟสติวัลภูเก็ต เซ็นทรัลเวิลด์ และเทอร์มินัล 21 พัทยา พื้นที่เฉลี่ย 120 ตารางเมตร และสาขาดิไอคอนสยาม พื้นที่ประมาณ 180 ตารางเมตร ซึ่งถือว่าปีนี้เปิดสาขามากที่สุด แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นแผนเดิมที่เลื่อนมาจากปีที่แล้วด้วย” นายโยเกซกล่าว
โยเกซ คานธี (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสิกส์ เอเซีย พีทีอี จำกัด บริหารแบรนด์ เอสิกส์ เอสิกส์ไทเกอร์ และโอนิซึกะไทเกอร์  และ วโรดม พรานบุญปลูก (ขวา) ผู้จัดการประจำประเทศไทย
ทั้งนี้ ราคาสินค้าในไทยของโอนิซึกะไทเกอร์มีราคาสูงกว่าที่ญี่ปุ่นประมาณ 10-15% เท่านั้นไม่ห่างกันมาก จึงทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างประเทศและผู้บริโภคคนไทยสามารถตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น โดยสินค้าที่จำหน่ายในชอปจะมีวาไรตีมากขึ้น โดยเฉพาะในสาขาที่สยามเซ็นเตอร์นี้จะมีสินค้าแบบครบฟูลสเกล ทั้งรองเท้า เสื้อผ้า อุปกรณ์เสริมต่างๆ เพื่อตอบสนองกลุ่มเป้าหมายทั้งชาย หญิง เด็ก และผู้ใหญ่ ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนสินค้า ขณะนี้มีรองเท้าประมาณ 80% และเสื้อผ้ากับแอ็กเซสซอรี 20% แต่ตั้งเป้าหมายภายใน 2-3 ปีจากนี้จะเป็นสัดส่วนรองเท้า 60% และเสื้อผ้ากับแอ็กเซสซอรีสัดส่วน 40%

ล่าสุดเปิดตัวคอลเลกชันใหม่สปริงและซัมเมอร์ 2018 ด้วยรองเท้าลายเอกลักษณ์อย่าง Mexico 66SD ที่สะท้อนถึงแก่นของแบรนด์ และรุ่นคลาสสิกยอดนิยมอย่าง Mexico 66 ทั้งลายที่เป็นซิกเนเจอร์ และการเพิ่มดีไซน์สีเข้าไปด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น