xs
xsm
sm
md
lg

ทอท.จ่อแก้สัญญารถเข็นดอนเมือง ยอมควักงบกว่า 121 ล้านเพิ่มค่าจ้าง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บิ๊ก ทอท.แจงเหตุรถเข็นกระเป๋าดอนเมืองไม่พอ อ้างประเมินจำนวนผู้โดยสารผิดพลาด หลังเปิดอาคาร 2 ยิ่งโตกระฉูด พร้อมยันระบบ RFID ติดตามรถเข็นใช้ได้เฉพาะภายในอาคาร หากนำออกนอกพื้นที่สัญญาณไม่ถึง ล่าสุดเร่งแก้สัญญาเพิ่มค่าจ้างให้เอกชนอีก 121 ล้าน เพิ่มคนและรถเข็น 2,784 คัน

จากกรณีที่ นสพ.ผู้จัดการรายวัน 360 องศา ได้นำเสนอข่าวปัญหาในการให้บริการรถเข็นกระเป๋าสัมภาระที่สนามบินดอนเมืองมีไม่เพียงพอ เนื่องจากจำนวนรถเข็นกระเป๋าและพนักงานจัดเก็บรถเข็นของเอกชนที่รับสัมปทานมีจำนวนน้อย เป็นผลมาจาก TOR ในการประมูลจัดหาผู้ให้บริการรถเข็นกระเป๋าแบบครบวงจรที่สนามบินดอนเมืองนั้นไม่กำหนดอัตราพนักงานจัดเก็บกระเป๋าขั้นต่ำต่อผลัดไว้ เป็นเหตุให้หมุนเวียนไม่ทันกับความต้องการ อีกทั้งระบบ RFID ที่ติดไว้กับรถเข็นตามสัญญา ส่วนใหญ่ใช้งานไม่ได้ ทำให้ไม่สามารถติดตามหาตำแหน่งของรถเข็นกระเป๋าไม่ได้ โดยบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.อยู่ระหว่างพิจารณาเพื่อ เพิ่มค่างานให้เอกชนเพื่อเพิ่มจำนวนรถเข็นกระเป๋าและพนักงานจัดเก็บ ซึ่งเข้าข่ายการเอื้อประโยชน์เอกชนนั้น
 
น.ท.สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้ชี้แจงว่า ทอท.ได้กำหนดความต้องการรถเข็นกระเป๋าตามการเติบโตของผู้โดยสารที่คาดว่าจะโตเฉลี่ยปีละ 10% แต่ปรากฏว่าจำนวนผู้โดยสารที่เกิดขึ้นจริงนั้นเติบโต 20% สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้รถเข็นกระเป๋าที่กำหนดไว้ในสัญญามีจำนวนไม่เพียงพอ โดยผู้โดยสารที่ดอนเมืองปี 2555 มีจำนวน 5.5 ล้านคน, ปี 2556 มี 18.5 ล้านคน, ปี 2557 มี 28.5 ล้านคน, ปี 2558 มี 32 ล้านคน, ปี 2560 มี 37.5 ล้านคน ส่วนปี 2561 คาดว่าจะเพิ่มเป็น 41 ล้านคน
 
ส่วนระบบ RFID ยืนยันว่าใช้ได้ ไม่มีปัญหาใดๆ แต่เนื่องจากสถานีรับสัญญาณสามารถติดตามได้ในพื้นที่อาคารผู้โดยสารและอาคารจอดรถเท่านั้น เมื่อมีการนำรถเข็นกระเป๋าออกนอกพื้นที่ดังกล่าวจะติดตามไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้จะแก้ปัญหาเร่งด่วนโดยให้ผู้รับสัมปทานเพิ่มเจ้าหน้าที่เพื่อเพิ่มรอบในการจัดเก็บรถเข็น ต้องยอมรับว่าช่วงเวลาที่มีเที่ยวบินหนาแน่น 50 เที่ยวบิน/ชม. โดยเฉพาะอาคาร 1 (ระหว่างประเทศ) ช่วง 11.00-15.00 น.จะเกิดปัญหาหมุนรถเข็นไม่ทัน เนื่องจากมีผู้โดยสารที่เป็นกรุ๊ปทัวร์ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะขาออกที่มักจะเช็กอินตั๋วล่วงหน้าก่อนเวลาเครื่องบินออกเป็นเวลานานจะมีการใช้รถเข็นนาน
   
สำหรับการเพิ่มรถเข็นกระเป๋านั้น ทางผู้บริหาร ทอท.จะเป็นผู้พิจารณา เบื้องต้นประเมินว่าจะปรับสัญญากับผู้รับสัมปทานเดิม โดยการเพิ่มจำนวนรถ และเพิ่มค่าจ้าง เนื่องจากหากเปิดประมูลใหม่แล้วได้เอกชนรายใหม่เข้ามาดำเนินการให้บริการรถเข็นกระเปาในพื้นที่เดียวกันกับรายเดิมจะมีปัญหาในการบริหารจัดการได้ อีกทั้งในการประมูลครั้งที่ผ่านมามีการแข่งขันสูงทำให้ราคาค่อนข้างต่ำ การเปิดประมูลใหม่ไม่สามารถจ้างได้สูงกว่าราคาเดิมซึ่งอาจจะไม่มีผู้ยื่นประมูล อย่างไรก็ตาม ฝ่ายบริหาร ทอท.และคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.จะเป็นผู้พิจารณาอีกครั้ง
 
ขณะที่นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.ได้ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ทอท.ได้จ้างบริษัท นำไกรยูนิเวอร์แซล จำกัด เป็นผู้ให้บริการรถเข็นกระเป๋าแบบครบวงจร ตามสัญญาเลขที่ 7 CS9-58001 มีกำหนดระยะเวลา 7 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2559 เวลา 06.00 น.ถึงวันที่ 1 ก.พ. 2566 เวลา 06.00 น. โดยในเอกสารแนบท้ายสัญญากำหนดว่า ปีที่ 1 ต้องมีรถเข็นให้บริการ 2,500 คัน (รถเล็ก 500 รถกลาง 1,900 รถใหญ่ 10) ปีที่ 2 ต้องมีรถเข็นให้บริการ 2,700 คัน (รถเล็ก 600 รถกลาง 2,088 รถใหญ่ 12 คัน) ปีที่ 3 ต้องมีรถเข็นให้บริการ 2,900 คัน (รถเล็ก 600 รถกลาง 2,785 รถใหญ่ 15) ปีที่ 4-7 ต้องมีรถให้บริการ 3,120 คัน (รถเล็ก 600 รถกลาง 2,500 รถใหญ่ 20)

แต่เนื่องจากปัจจุบันสนามบินดอนเมืองมีปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว จากสถิติพบว่าในระหว่างวันที่ 1-24 ต.ค. 2558 มีจำนวน 2,113,418 คน เทียบกับในวันที่ 1-24 ต.ค. 2559 มีจำนวน 2,253,871 คน คิดเป็น 6.6% ทำให้มีปริมาณรถเข็นไม่เพียงพอในบางช่วงเวลา คณะกรรมการตรวจรับพัสดุฯ จึงได้นำรถเข็นเก่าของสนามบินดอนเมืองมาให้บริการเพิ่มเติมจำนวน 500 คัน (รถเล็ก 300 รถกลาง 200)

จากการพิจารณาและสำรวจพื้นที่การให้บริการ ร่วมกันระหว่าง ดอนเมืองและฝ่ายแผนพัฒนาท่าอากาศยาน ระหว่าง ก.ค-ส.ค. 2560 พบว่าในปี 2560 มีความต้องการรถเข็นกระเป๋าประมาณ 3,993 คัน มากกว่าปริมาณรถเข็นที่มีอยู่ตามสัญญาจำนวน 1,293 คัน (3,993-2,700 ไม่รวมรถเข็นเก่าเดิมที่นำมาเสริม) ซึ่ง กก.ตรวจรับพัสดุฯ ได้ทำหนังสือขอให้ ทอท.พิจารณาเพิ่มจำนวนรถเข็นให้เพียงพอต่อปริมาณผู้โดยสารแล้ว ตามหนังสือ ฝทอ.ทดม.ที่ 11798/59 ลงวันที่ 21 พ.ย. 2560

รายงานข่าวแจ้งว่า ทอท.ได้ทำสัญญาจ้างให้บริการรถเข็นกระเป๋าแบบครบวงจร ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2558 กำหนดจ่ายค่าจ้าง 7 ปี วงเงิน 188,319,991.44 บาท แบ่งจ่ายรายเดือน จำนวน 84 งวด  

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีการยืนยันว่าระบบ RFID เพื่อใช้ติดตามรถเข็นกระเป๋าไม่สามารถใช้งานได้จริง เป็นเรื่องที่ไม่สามารถปฏิบัติได้ตามสัญญา ทอท.ต้องจ่ายค่าระบบ RFID ถึง 12 ล้านบาท โดยแบ่งจ่ายเป็นงวดๆ รวมถึงการหมุนเวียนไม่ทันต่อความต้องการของผู้โดยสาร เป็นผลให้การทำงานไม่สำเร็จตามข้อตกลง และล่าสุดสำนักงานตรวจสอบภายในของ ทอท.ยังพบว่าระบบ RFID เพื่อใช้ติดตามรถเข็นกระเป๋าไม่สามารถใช้งานได้จริงอีกด้วย แต่ ทอท.ยังคงจ่ายค่าจ้างให้เอกชนเต็มจำนวนโดยไม่มีบทปรับใดๆ
 
โดยขณะนี้ได้มีการเสนอเพิ่มรถเข็น 2,784คัน เพิ่มค่าจ้างอีกกว่า 121 ล้านบาท โดยจะเริ่มจ่ายค่าจ้างเพิ่มตั้งแต่เดือน เม.ย. 2561 เป็นต้นไป สำหรับบริษัทผู้รับสัมปทานรถเข็นกระเป๋าที่สนามบินดอนเมืองดังกล่าว ยังเป็นคู่สัญญากับ ทอท.ในการจัดหาและให้บริการรถเข็นกระเป๋าที่สนามบินอีก 4 แห่งของ ทอท.อีกด้วย คือ เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต และหาดใหญ่ ที่มีปัญหาในลักษณะเดียวกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น