ผู้จัดการรายวัน 360 - “วีฟู้ดส์” รุกหนัก ตั้งเป้าโตปีนี้ 35% โฟกัสแบรนด์เดิม ทั้งวีคอร์น และซันคิสท์เป็นพระเอกเบอร์รองปีนี้ พร้อมขยายช่องทางจำหน่ายเพิ่ม จ่อลุยต่างประเทศ
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วี ฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้ (2561) บริษัทฯ วางแผนขยายธุรกิจต่อเนื่อง จากการขยายไลน์สินค้าใหม่ของแบรนด์เดิมเป็นหลักซึ่งยังไม่มีแผนเจรจาหาสินค้าแบรนด์ใหม่มาจำหน่ายเพิ่ม รวมทั้งการขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้นจากเดิม และการขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศด้วย ส่งผลให้ในปี 2561 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 300 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโต 35% จากรายได้ปีที่แล้วที่มีประมาณ 230 ล้านบาท
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ปีนี้จะเปลี่ยนไปเป็นแบรนด์วีคอร์น ที่เป็นของบริษัทฯ เอง เป็น 65% และแบรนด์เครื่องดื่มซันคิสท์ ที่ได้ไลเซนส์ทำตลาดจะขึ้นมาเป็นอันดับที่ 2 เป็น 25% และที่เหลือ คือ ดาวคอฟฟี่ จับกลุ่มพรีเมียมที่ได้ไลเซนส์จากดาวเฮืองกรุ๊ป ลาว กับวีฟาร์ม สแน็กผลไม้ของบริษัทเอง รวมกัน 10% จากเดิมปีที่แล้ว วีคอร์น สัดส่วน 66% ส่วนซันคิสท์ปีที่แล้วทำตลาดช่วง 3-4 เดือนเท่านั้น แต่ปีนี้จะขายได้เต็มปีและคาดว่า แบรนด์ซันคิสท์จะเติบโตมากและมีรายได้เกือบ 100 ล้านบาท
โดย วีคอร์น ปีนี้จะออกสินค้าตัวใหม่อย่างต่ำ 3 รายการ ปีที่แล้วเพิ่งออกสินค้าใหม่ เช่น ข้าวโพดต้มหั่น 3 ท่อน และข้าวโพดหวาน โดยปีที่แล้ววีคอร์น เติบโต 35% และคาดว่าปีนี้จะเติบโตไม่น้อยกว่า 30%
ส่วนแบรนด์ซันคิสท์จะขยายช่องทางจำหน่ายมากขึ้น จากเดิมปีที่แล้วเฟสแรกจำหน่ายผ่านร้านเซเว่นอีเลฟเว่นเท่านั้น ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และชลบุรีเท่านั้น แต่ในปีนี้ช่วงไตรมาสที่สองจะเริ่มขยายช่องทางจำหน่ายสู่คอนวีเนียนสโตร์ทั่วไป เช่น ลอว์สัน 108 แฟมิลี่มาร์ท จิฟฟี่ เทสโก้โลตัส เอ็กซ์เพรส เป็นต้น และซูเปอร์มาร์เกตทั่วไป เช่น ท็อปส์ กูร์เม่ต์มาร์เก็ต ฟู้ดแลนด์ วิลล่ามาร์เก็ต แมกซ์แวลู และพันธมิตรที่เป็นเชนอื่น เช่น โรงหนังเมเจอร์ ร้านแมคโดนัลด์ ที่ไปวางจำหน่ายด้วย
นอกจากนั้นยังได้ออกรสชาติใหม่ คือ มิ้นต์ เลมอนเนด ขวดเพ็ต ขนาด 340 มิลลิลิตร ราคาขวดละ 20 บาท สูตรน้ำตาลน้อยกว่า จับกลุ่มคนรุ่นใหม่ จากเดิมมี 2 รสชาติ และปีนี้จะมีการทำตลาดผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียมากขึ้น ล่าสุดปล่อยไวรัลคลิปผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ในวันนี้ (5 เมษายน) เพื่อสร้างแบรนด์ซันคิสท์ด้วย และการทำบีโลว์เดอะไลน์ ทำกิจกรรมตามอาคารสำนักงานกว่า 60 แห่ง และตามสถาบันการศึกษา และเร็วๆ นี้จะจัดกิจกรรมมิวสิกมาร์เกตติ้ง
นายอภิรักษ์กล่าวต่อว่า แนวโน้มตลาดอาหารและเครื่องดื่มในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อยู่ในช่วงชะลอตัวโดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องดื่ม เนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและผู้บริโภค ดังจะเห็นได้จากข้อมูลของบริษัท เอซี นีลเส็น ประเทศไทย เมื่อสิ้นเดือนมกราคม 2561 พบว่า ช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาภาพรวมตลาดเครื่องดื่มในไทยติดลบ 3.8% เพราะการปรับราคาที่สูงขึ้น จากนโยบายการปรับภาษีสรรพสามิตน้ำตาลของรัฐบาล ส่งผลกระทบต่อต้นทุนและการบริโภค โดยเฉพาะน้ำผลไม้และชาพร้อมดื่ม ตลาดรวมติดลบค่อนข้างมาก โดยตลาดรวมเครื่องดื่มน้ำผลไม้มีประมาณ 12,000 ล้านบาท และเป็นกลุ่มรีเฟรชเมนต์ 30% ซึ่งซันคิสท์อยู่ในกลุ่มนี้
ส่วนตลาดต่างประเทศช่วงที่ผ่านมาได้ศึกษาไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในช่วงแรกสนใจตลาด ลาว กัมพูชา และพม่า มีทั้งการนำไปจำหน่ายผ่านช่องทางของกลุ่มโรงหนังเมเจอร์ฯ กับการหาพันธมิตรที่เป็นคนท้องถิ่นด้วย คาดว่ากลางปีนี้จะมีความชัดเจนมากขึ้น