“มิ้นต์ ชาลิดา” ปัดสร้างเงื่อนไข หาก “ญาญ่า” ไม่มาสัมภาษณ์คู่จะไม่ให้สัมภาษณ์สื่อ มั่นใจไม่ได้พูด ยอมรับสัมพันธ์กลุ่มเพื่อนที่ผ่านมาไม่ดี แต่อย่าอินข่าวเกาเหลาญาญ่าเกินไป วอนอย่ายึดติดโลกโซเชียล เพราะไม่ได้บ่งบอกว่าสนิท ลั่นไม่เจอหน้ากันหลายปี ต้องใช้เวลาในการสานต่อ เวลาจะเยียวยาทุกอย่าง
ดรามาเกิดทันที หลังจากที่นางเอก “มิ้นต์ ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง” ออกมาเผยว่าไม่ได้รับคำเชิญจาก “ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์” ให้ไปร่วมปาร์ตี้วันเกิด อีกทั้งส่งข้อความไปหาแต่อีกฝ่ายก็ไม่อ่าน ไม่ตอบ ในงานแฟชั่นโชว์ล่าสุด ทั้งคู่ก็ไปร่วมงาน แต่กลับไม่สัมภาษณ์คู่กัน โดยมีแหล่งข่าวเผยว่าสาวมิ้นต์หลุดลั่น ถ้าหากไม่ได้สัมภาษณ์คู่ญาญ่าตนก็ไม่ให้สัมภาษณ์สื่อด้วย กอนกระเจิงไปคนละทาง ตอกย้ำความสัมพันธ์ที่ไม่เหมือนเดิมรึเปล่า ซึ่งมิ้นต์ก็ออกมายันแล้วว่าข่าวดังกล่าว ไม่จริง
“มิ้นต์กับญ่าไม่เคยมีปัญหาอะไรกันเลย เรื่องสัมภาษณ์คู่ในงานชมแฟชั่นโชว์ไม่มีใครพูดอะไรเลย ญ่าไม่ได้มาดูอาซาว่านะ คือมิ้นต์ไปกับมาร์กี้ และรู้ว่าญ่าแต่งตัวสำหรับเดินโชว์ถัดไป แต่ว่ามันคนละเวลาไม่ได้มีการปฏิเสธอะไรเลย ที่บอกว่าถ้าญ่าไม่มาสัมภาษณ์คู่เราก็จะไม่ให้สัมภาษณ์ อันนี้ไม่ทราบรายละเอียดตรงนี้มาก่อนเลย”
“ถามว่าเราพูดอย่างนั้นมั้ย ก็ไม่มีนะคะ คือปกติงานแฟชั่นโชว์มิ้นต์ไม่เคยมีนักข่าวสายบันเทิงอยู่แล้ว ซึ่งมิ้นต์ว่ามันน่าจะเป็นความเข้าใจผิดกันมากกว่า”
ยอมรับที่ผ่านมาสัมพันธ์กลุ่มเพื่อนไม่ดี แต่เวลาจะเยียวยาทุกอย่าง เผยไม่เจอหน้ากันหลายปี ต้องใช้เวลาในการสานต่อ
“ก็ต้องบอกตรงๆ ว่าที่ผ่านมามันไม่ดีจริงๆ แต่มิ้นต์ว่าเวลามันจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น และอย่างตอนนี้มันไม่มีใครติดใจในเรื่องอะไรแล้ว มันไปในทิศทางที่ดีแล้ว อย่าไปรื้อฟื้นเลย คือเพื่อนยังไงก็คือเพื่อน ต่อให้มีทะเลาะกันบ้าง ขัดใจกันบ้าง มันก็เป็นเรื่องปกติมากสำหรับมิ้นต์ และก็อย่างที่มิ้นต์บอกเวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น และทุกวันนี้มันก็ไปในทิศทางที่ดีขึ้นแล้ว”
“หลังมิ้นต์ให้สัมภาษณ์ก็มีการคุยกับมาร์กี้ (ราศรี บาเล็นซิเอก้า) บ้างว่ามันอะไรกัน คือมันไปในทางที่ดีแล้ว แต่กลับมีดรามาขึ้นมาอีกเรื่อยๆ ก็งง คุยกันขำๆ ว่ามันเหมือนเพื่อนที่เราไม่ได้เจอกันหลายปี บ้างทีก็ต้องใช้เวลาในการสานต่อว่าเราจะคุยอะไรกัน ไม่ได้เจอกันนาน ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติ”
งงถูกจับเกาเหลา “ญาญ่า” อย่ายึดติดโซเชียล เพราะไม่ได้บ่งบอกว่าสนิท ย้ำไม่เคยอินกับข่าว
“งงมากกับญ่าไม่เคยมีปัญหาอะไรกันเลย คือทุกคนจะจับจ้องจากโซเชียลอย่างเดียว คือบางทีโซเชียลมันไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต ที่จะมาบ่งบอกว่าเราสนิทกับคนนั้นคนนี้ บางทีเราเจอกันก็ไม่จำเป็นต้องถ่ายรูปลงทุกๆ ครั้ง”
“มันไม่บั่นทอน มิ้นต์เชื่อว่าทุกคนในแก๊งนี้อยู่วงการมานานมาก ทุกคนต้องรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ข่าวก็คือข่าว ความจริงก็คือความจริง ซึ่งสำหรับตัวมิ้นต์เองไม่เคยอินกับข่าว หรือแม้กระทั่งคนนั้นบอกต่อว่าเรื่องนั้นไม่ดี เรื่องนี้ไม่ดี มิ้นต์จะไม่เคยเชื่ออะไรเลย นอกจากมิ้นต์เจอกับตัวเองเท่านั้น”
“ส่วนที่มองว่าเราเหมือนมีปัญหากับเพื่อนบ่อยๆ อาจจะเป็นเพราะเราอยู่กับเพื่อนหลายกลุ่ม มีเพื่อนเยอะมาก กับเพื่อนอนุบาลมิ้นต์ก็ยังคบอยู่ มิ้นต์เป็นคนชอบอยู่กับเพื่อน อยู่กับสังคม มันก็เป็นเรื่องปกติ คนจะมาจับตามองว่าเราไปกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ เราทำงานตรงนี้มันต้องเจอคนมากมาย อย่างมิ้นต์มาเล่นเรื่องนี้ ฟ้าฝากรัก มิ้นต์ก็ต้องมีเพื่อนกลุ่มใหม่ค่ะ”
ไม่กดดัน เสียบ “เชียร์ ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์” ยันได้รับมอบหมายจากช่องมา
“ก็เพิ่งทราบตอนที่เป็นข่าวนี่แหละ(หัวเราะ) ก่อนหน้านี้ก็ไม่ทราบ ไม่ทราบมาจริงๆ ไม่กดดัน เพราะว่าเป็นบทบาทที่แปลกใหม่แล้วก็มิ้นต์ก็เจอเรื่องการเปลี่ยนตัวมาค่อนข้างบ่อย อยู่วงการนี้มันก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสมต่างๆ และมิ้นต์ก็ได้รับมอบหมายมาจากผู้ใหญ่อีกทีหนึ่ง ก็คือทางช่อง 3 ที่ส่งบทมาให้”
เข้าใจแฟนคลับ “เต้ย-เชียร์” ผิดหวัง แต่ยันทั้งหมดเป็นเรื่องของผู้ใหญ่
“ถามว่ากดดันมั้ย พอทราบตอนแรกก็ตกใจนะ ก็คือพูดตรงๆ ว่าไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อนเลย ก็ตกใจแหละ แต่ถามว่ากดดันมั้ย มิ้นต์คิดว่าแฟนคลับเขาน่าจะเข้าใจกัน มิ้นต์เองก็มีแฟนคลับคู่จิ้น มิ้นต์ก็เข้าใจความรู้สึกเขาว่าเขาต้องมีผิดหวังเป็นเรื่องธรรมดา แต่ว่าทั้งหมดทั้งมวลมันก็เป็นเรื่องของผู้ใหญ่”
ดีใจได้ร่วมงาน “เต้ย พงศกร” บอกเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ เป็นรสชาติใหม่ๆ ของละคร
“คิดว่าน่าจะดี เพราะเรื่องนี้ไม่เฉพาะกับพี่เต้ย นักแสดงทั้งหมดมิ้นต์ไม่เคยร่วมงานกับใครมาก่อนหรือแม้กระทั่งค่ายพี่หน่องที่พลาดที่จะได้รับเล่นกันหลายที คือมิ้นต์ว่าการที่เราได้ทำอะไรที่แปลกใหม่ทั้งหมดมันก็อาจจะเป็นอีกรสชาติหนึ่งของละครที่ดี”
“อีกเรื่องที่ไม่ได้เล่น จริงๆ คนละคิวกันค่ะ อันนี้เป็นจันทร์-พุธ และจริงๆ มิ้นต์ติดเรื่องการฝึกงานอย่างที่บอกไปแล้วว่าต้องดรอปฝึกงานไว้ก่อนและมาเล่นเรื่องนี้ก่อนเพราะว่าด้วยความที่เป็นนโยบายใหม่ของช่องด้วยก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนและจะไปฝึกงานอีกทีหลังจากปิดกล้องเรื่องนี้ ซึ่งได้คุยกับทางช่องไว้แล้วว่าถ้าจะให้เล่นต้องมีการดีลกันประมาณ 7 - 8 เดือน เพราะว่ามิ้นต์ต้องรับปริญญาเดือนธันวานี้”
มุ่งมั่นจะรับปริญญาในปีนี้
“ถามว่าจะมีผลกับการรับปริญญามั้ย คือมิ้นต์ตั้งใจไว้อยู่แล้วว่าจะรับธันวาคม ซึ่งเรื่องนี้ติดต่อมิ้นต์มาตอนเดือนพฤศจิกายน ก็คือมิ้นต์ก็ให้ระยะเวลาในการทำงาน 8 เดือนเป็นปกติและก็ได้คุยกับทางช่องไว้ก่อนที่จะตกลงเล่น ก็คือมีข้อตกลงนี้อยู่แล้ว เพราะว่าตั้งใจไว้ว่าจะต้องจบให้ได้แล้ว เพราะว่าน้องชายรับปริญญาจะคนที่ 2 แล้ว และมิ้นต์ก็ติดแค่เรื่องฝึกงาน แต่ตอนนี้เรื่องจบแต่ติดแค่เรื่องฝึกงาน”
“ก็คือยังอยู่ในปีนี้ไม่ได้เลยไปปีหน้า เพราะมิ้นต์ตั้งใจไว้แล้วว่าจะรับภายในเดือนธันวานี้ แต่มิ้นต์เรียนจบตั้งแต่ปลายปีที่แล้วก็คือเดือนสิงหา และก็ถ่ายทำเรื่องนี้ก็คงพอดีแหละค่ะ ตอนแรกคุยกับบริษัทไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ว่าติดเรื่องนี้ก็เลยต้องเปลี่ยน แล้วก็ต้องรอดูจังหวะว่ามีบริษัทไหนที่ว่างในช่วงนั้นพอดี”
แม่ให้สิทธิ์ในการตัดสินใจทุกอย่าง
“คุณแม่ตามใจ คือคุณแม่ให้ทุกอย่างเป็นการตัดสินใจของเราว่าอยากทำมั้ยหรือว่าอย่างไร คือก็มีส่งมาหลายเรื่องแต่มันก็มีข้อผูกมัดในการเรียนอยู่บ่อยและหลายครั้ง แต่อันนี้ก็คือดูบท ดูอะไรว่ามันมาประมาณหนึ่งแล้ว ก็โอเค เพราะละครที่มิ้นต์ถ่ายมันจะช้าในเรื่องของการรอบทแต่เรื่องนี้บทมาเยอะ ก็น่าจะถ่ายทำไปได้อย่างต่อเนื่อง ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
“ก็คือพอเขาส่งบทมาให้อ่าน คือตอนแรกมิ้นต์ก็รู้สึกว่าจะถ่ายทำนานมั้ย เพราะมิ้นต์ก็ต้องสอบถามรายละเอียดก่อน เพราะว่ามิ้นต์ตั้งใจไว้ว่าธันวาคมนี้มิ้นต์รับปริญญาแน่ๆ ก็เลยบอกกับทางผู้ใหญ่ไปว่าถ้าถ่ายมิ้นต์ มิ้นต์เล่นได้แน่ๆ แต่ว่าประมาณสิงหาก็ต้องปิดแล้ว”
(ติดตามทุกข่าวสารในแวดวงบันเทิงทั้งหมดได้ที่ https://mgronline.com/entertainment)