คาลเท็กซ์ประกาศวิสัยทัศน์ “Smart Value For All” เพื่อขับเคลื่อนองค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน เตรียมอัดงบ 200 ล้านเหรียญสหรัฐใน 4 ปี (61-64) ขยายสถานีบริการน้ำมันรูปโฉมใหม่ปีละ 50 แห่งหรือ 200 แห่งใน 4 ปีข้างหน้า หวังเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจากปัจจุบันอยู่ที่ 7-8% และรุกหาพันธมิตรธุรกิจเสริมเพิ่มขึ้น
นายชาลมาน ซาดัต ประธานกรรมการและผู้จัดการใหญ่ บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันคาลเท็กซ์ เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยวิสัยทัศน์ “Smart Value for All” ซึ่งเป็นแผนระยะกลางช่วง 3-4 ปีนี้ โดยบริษัทฯ มีแผนปรับโฉมสถานีบริการน้ำมันรูปแบบใหม่เพิ่มปีละ 50 แห่ง หรือราว 200 แห่งในปี 2564 ใช้เงินลงทุนรวม 200 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะเปิดสถานีบริการรูปโฉมใหม่แห่งแรกซึ่งจะถือเป็น Flagship ในไตรมาส 4/2561 นี้ในกรุงเทพฯ ก่อนจะขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ บนถนนสายหลัก และหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ
ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการสรุปรูปแบบของสถานีบริการรูปโฉมใหม่ โดยคำนึงถึงความต้องการของลูกค้า รวมทั้งขนาด และทำเลที่ตั้งในการออกแบบที่จะสะท้อนความสะดวก ผ่อนคลาย ทันสมัย สามารถใช้พื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีตู้จ่ายน้ำมันรถจักรยานยนต์แยกต่างหากจากตู้จ่ายรถยนต์ เพื่อให้การจราจรในปั๊มมีความคล่องตัว นอกจากนี้ยังเตรียมพื้นที่สำหรับสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Charging Station) เพื่อรองรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
การตัดสินใจขยายสถานีบริการน้ำมันภายใต้กลยุทธ์ “Smart Value for All” เนื่องจากตลาดน้ำมันในไทยมีการเติบโตเพิ่มขึ้น และการใช้รถก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากแผนนี้เราก็คาดหวังจะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ 7-8% และปริมาณขายน้ำมันโตเกิน10%
ปัจจุบันคาลเท็กซ์มีสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศกว่า 370 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรูปแบบของผู้ประกอบการเป็นเจ้าของและบริหารงานเอง (Retailer Owned Retailer Operated : RORO) ซึ่งการขยายสถานีบริการในรูปโฉมใหม่นี้ก็จะยังมุ่งเน้นให้เป็นแบบ RORO เช่นเดิม พร้อมกันนี้ บริษัทก็มีแผนที่จะปรับปรุงปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์เดิมที่มีอยู่ให้มีรูปโฉมใหม่ด้วย โดยจะต่างกันไปบ้างขึ้นกับขนาดพื้นที่และทำเลที่ตั้งแต่ละแห่ง
นายซาลมานกล่าวต่อไปว่า ภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าว ยังให้ความสำคัญต่อธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมัน (non-oil) มากขึ้น เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับสถานีบริการให้ครบวงจร และเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจค้าปลีกของสถานีบริการ โดยอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรค้าปลีกทั้งร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารและร้านกาแฟที่จะให้เป็นพันธมิตรระยะยาว จากปัจจุบันที่มีความร่วมมืออยู่กับร้านมินิ บิ๊กซี, แฟมิลี่ มาร์ท และลอว์สัน 108 และร้านฟาสต์ฟูดหลายแห่ง โดยมีเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจนอนออยล์เพิ่มขึ้นจาก 20% และธุรกิจน้ำมัน 80% เป็นระดับ 30-50% ในช่วง 4 ปีข้างหน้า