ผู้จัดการรายวัน 360 - “ซีพีเอ็น” ย้ำ ศูนย์การค้าต้องปรับตัวให้เป็นไลฟ์สไตล์ คอมมูนิตี้ ชี้ พร้อมเสริมคอนเทนต์ที่ดึงดูด ไม่ใช่แค่สถานที่ชอปปิ้ง หรือกินข้าว เท่านั้น พร้อมจับตา โฉมใหม่เซ็นทรัลเวิลด์คอมมูนิตี้ สิ้นปีนี้ อัดงบการตลาดปีนี้ 700 ล้านบาท เพิ่มงบดิจิทัลเป็น 20%
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น เปิดเผยว่า กลยุทธ์ในการลงทุนและบริหารธุรกิจศูนย์การค้าจากนี้ไป ผู้ประกอบการต้องปรับตัวเองให้มาก และต่อเนื่อง เพื่อให้ทันกับยุคสมัยและเทคโนโลยี รวมทั้งพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปด้วยเข้าสู่สังคมดิจิทัล และมีความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น ศูนย์การค้าจะไม่ใช่เป็นเพียงแค่สถานที่ที่ผู้บริโภคเข้ามาเพื่อชอปปิ้ง หรือทานอาหาร อย่างเดียวเท่านั้นแล้ว แต่ศูนย์การค้าจะต้องปรับตัวเองให้เป็นสถานที่ของการใช้ชีวิตของผู้บริโภค เป็นเสมือนคอมมูนิตี้ของชีวิต
ดังนั้น ที่ผ่านมา ทาง ซีพีเอ็น ได้เริ่มปรับตัวเข้าสู่แนวคิดดังกล่าวนี้มาอย่างต่อเนื่องแล้ว สังเกตได้จากที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลอีสต์วิลล์ เช่น การทำพื้นที่โคเวิร์กกิ้งสเปซ การทำศูนย์การค้าที่เปิดกว้างให้สุนัขเข้ามาในศูนย์ฯได้ รวมทั้งการจัดอีเวนต์แบบใหม่ เช่น ที่เซ็นทรัลเวสต์เกต ช่วงนี้ก็มีการจัดอีเวนต์ นินจา ที่มาจากญี่ปุ่น เป็นต้น รวมทั้งการที่มีพันธมิตรใหม่ที่เป็นแม่เหล็กดึงคนได้อย่างดี เช่น อิเกียที่เวสต์เกต หรือว่าล่าสุดที่สาขาพระราม 3 หลังจากที่ปรับปรุงใหม่เปิดบริการเมื่อปลายปีที่แล้ว มีการนำรานค้าใหม่ๆ แม่เหล็กใหม่ๆ และปรับให้เป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น พบว่า มีคนเดินเข้าศูนย์ฯเพิ่ม 20%หรือมีมากกว่า 45,000 คนต่อวันแล้ว ซึ่งถ้าเราไม่ปรับก็ไม่สามารถดึงทราฟิกเพิ่มได้
ปัจจัยหลักของการทำศูนย์การค้าให้เป็นคอมมูนิตี้การใช้ชีวิต คือ การนำเสนอคอนเทนต์ ซึ่งในแง่ของธุรกิจค้าปลีกหรือศูนย์การค้านี้ คำว่า คอนเทนต์ทั้งหลาย ก็คือ สินค้า อีเวนต์ กิจกรรม โปรโมชัน ร้านค้า การตกแต่ง การออกแบบ การบริการ นั่นเอง ซึ่งต้องมีอีเวนต์ต่อเนื่อง และแม่เหล็กใหม่ๆ มานำเสนอ เพื่อให้ผู้บริโภคมาเดินศูนย์การค้าของเรามากขึ้นบ่อยครั้งขึ้น จากเดิมเฉลี่ยที่เคยสำรวจมาอยู่ที่ 2 - 3 ชั่วโมงต่อครั้ง และมาประมาณ 2 - 3 ครั้งต่อเดือน
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การใส่คอนเทนต์ลงไปในแต่ละศูนย์ฯนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่แตกต่างกันด้วย เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคลูกค้าก็แตกต่างกันตามแต่ไลฟ์สไตล์ ไม่ได้แบ่งกลุ่มลูกค้าเป็นแบบเดิมที่ยึดถือหลักแบบเดโมกราฟิก เช่น เพศ อายุ การศึกษา อาชีพ เป็นต้น เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคมีความหลากหลายมากขึ้น ต้องทำเซกเมนต์เตชั่นให้ชัดเจน
ดร.ณัฐกิตติ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ที่อยู่ระหว่างการปรับโฉมครั้งใหญ่นี้ ตั้งแต่เปิดบริการมาด้วยงบลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 - 2,000 ล้านบาท เริ่มทยอยเสร็จบางส่วน และเปิดใช้บริการแล้ว และคาดว่า จะเสร็จสมบูรณ์ทั้งศูนย์ฯในช่วงปลายปี 2561 นี้แน่นอน ซึ่งเป็นการปรับใหญ่ทั้ง การรีดีไซน์ รีโซนนิง รีเทนแนนต์ หรือ ร้านค้า
สำหรับในปี 2561 นี้ บริษัทฯยังคงใช้งบประมาณด้านการตลาดไม่ต่ำกว่า 700 ล้านบาทต่อปี เพื่อดำเนินกิจกรรมทั้งโปรโมชัน อีเวนต์ แคมเปญต่างๆ ต่อเนื่อง โดยปีนี้ยังได้เพิ่มงบตลาดด้านดิจิทัลเป็น 140 ล้านบาท จากปีที่แล้วที่ใช้ 70 ล้านบาท หรือประมาณสัดส่วน 20% ของงบการตลาดทั้งปี
ล่าสุด ใช้งบประมาณ 70 ล้านบาท จัดกิจกรรม “ไทยแลนด์ สงกรานต์ เฟสติวัล 2018 สาดสีสันทั่วไปไทย” ทุกสาขาทั่วประเทศ รวม 32 สาขา วันที่ 12 - 19 เมษายน 2561 ซึ่งแต่ละสาขาจะมีกิจกรรมที่แตกต่างกันไป โดยคาดว่าจะเพิ่มปริมาณคนเข้าศูนย์ฯได้ 20% ในช่วงเทศกาลนี้
