xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิรัตน์” ตั้งอนุกรรมการศึกษา คงหรือเลิกมาตรการซื้อข้าวโพด 1 ต่อ 3

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“สนธิรัตน์” ตั้งคณะอนุกรรมการศึกษาความจำเป็นปรับเปลี่ยนมาตรการกำหนดสัดส่วนนำเข้าข้าวสาลีต่อการซื้อข้าวโพดในประเทศ 1 ต่อ 3 และต้องขึ้นภาษีนำเข้าข้าวสาลีหรือไม่ หลังใช้มา 2 ปีราคาข้าวโพดในประเทศพุ่งแตะกิโลกรัมละ 9.50 บาท เผยยังได้ตั้งคณะอนุกรรมการศึกษาขยายเวลานำเข้าข้าวโพดกัมพูชาออกไปอีก 2 เดือนด้วย

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 561 ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาถึงสถานการณ์ผลผลิต ความต้องการใช้ รวมถึงมาตรการบริหารจัดการต่างๆ ที่จะใช้บริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปีการผลิต 2560/61 เพื่อให้ระดับราคาข้าวโพดในประเทศมีเสถียรภาพ โดยได้เห็นชอบให้ตั้งคณะอนุกรรมการ ประกอบด้วยทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อพิจารณามาตรการกำหนดสัดส่วนการนำเข้าข้าวสาลีต่อการรับซื้อข้าวโพดในประเทศที่อัตรา 1 ต่อ 3 ว่าสมควรจะปรับเปลี่ยนใหม่หรือไม่ และให้พิจารณาด้วยว่าไทยจำเป็นต้องปรับขึ้นภาษีนำเข้าข้าวสาลีหรือไม่ จากปัจจุบันที่ไทยไม่เก็บภาษีนำเข้าข้าวสาลี และหากปรับขึ้นควรปรับขึ้นในอัตราเท่าไรจึงจะเหมาะสม

“การใช้มาตรการกำหนดสัดส่วน 1 ต่อ 3 ได้ใช้มาเกือบ 2 ปีแล้ว เกษตรกรพึงพอใจ เพราะทำให้ราคาข้าวโพดในประเทศสูงขึ้น แต่มาปีนี้จะใช้มาตรการนี้ต่อหรือไม่ หรือจะปรับเปลี่ยนอย่างไร ขอให้คณะอนุกรรมการที่ตั้งขึ้นไปร่วมกันพิจารณาอย่างรอบด้าน โดยต้องดูลึกไปถึงสูตรการผลิตอาหารสัตว์แต่ละสูตร ใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เท่าไร ใช้ข้าวสาลีเท่าไร สามารถใช้ทดแทนกันได้หรือไม่ และต้องพิจารณาบนพื้นฐานของผลประโยชน์ที่สมดุล และความเป็นธรรมของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งเกษตรกร ผู้ผลิตอาหารสัตว์ กลุ่มปศุสัตว์ รวมถึงผู้บริโภค” นายสนธิรัตน์กล่าว

ทั้งนี้ ปัจจุบันราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เมล็ดแห้ง ความชื้น 14% อยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 9.30-9.50 บาท ปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อนที่ กก.ละ 8 บาทกว่า ซึ่งเป็นผลของการใช้มาตรการบริหารจัดการของกระทรวงพาณิชย์

นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาอีก 1 ชุดเพื่อพิจารณาการขยายระยะเวลาการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกัมพูชา หลังจากที่ผู้นำของทั้ง 2 ประเทศได้พบปะกันอย่างเป็นทางการเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้ง 2 ประเทศร่วมกันพิจารณาการขยายระยะเวลานำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากกัมพูชาออกไปอีก 2 เดือน หรือจากเดิมเดือน ก.พ.-ส.ค. เป็นเดือน ก.พ.-ต.ค. ตามที่กัมพูชาเรียกร้อง ขณะเดียวกัน ไทยได้เรียกร้องให้กัมพูชาเพิ่มปริมาณการนำเข้าหมูมีชีวิตให้มากขึ้น จากเดิมที่กัมพูชาอนุญาตให้นำเข้าเพียงเล็กน้อย ซึ่งคณะอนุกรรมการที่จัดตั้งขึ้นต้องพิจารณาทั้ง 2 ประเด็น

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมาตรการกำหนดสัดส่วนข้าวสาลีให้กลุ่มผู้ผลิตอาหารกุ้งเช่นเดียวกับปีก่อน เพราะผู้ผลิตร้องขอว่าไม่มีบริษัทในเครือที่จะต้องใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หากจะนำเข้าข้าวสาลีแล้วต้องรับซื้อข้าวโพดในประเทศด้วยก็ไม่มีประโยชน์อะไร


กำลังโหลดความคิดเห็น