จับตาคัดสรรรองผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท.วันนี้ เผยสเปกและเกณฑ์ให้คะแนนด้านอายุงาน การครองตำแหน่งน้อยไป เปิดช่องเอื้อบางคน ขณะที่เกณฑ์คะแนนวิสัยทัศน์สูงทั้งที่เป็นเรื่องที่ยังจับต้องไม่ได้ และใช้ความรู้สึกตัดสิน ชี้ควรวางเกณฑ์อาวุโสและวิสัยทัศน์ในระดับใกล้กัน ขณะที่ยังมีความกังวลว่าอาจยังมีอดีตบิ๊กรถไฟบางคนล้วงลูก วางทายาท สูบผลประโยชน์จากรถไฟเหมือนที่ผ่านมา
รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) แจ้งว่า จากที่ ร.ฟ.ท.ได้เปิดรับสมัคร คัดเลือกรองผู้ว่าการ 2 ตำแหน่ง คือ รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการซ่อมบำรุงรถจักรและล้อเลื่อน และรองผู้ว่าการกลุ่มบริหารรถไฟฟ้า เพื่อทดแทนผู้ที่เกษียณอายุ ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกที่มี นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม รักษาการผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.เป็นประธาน และมีรองผู้ว่าการที่อยู่ในตำแหน่งปัจจุบันอีก 5 คนเป็นกรรมการ จะให้ผู้สมัครตำแหน่งรองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการซ่อมบำรุงรถจักรและล้อเลื่อน 5 คน และตำแหน่งรองผู้ว่าการกลุ่มบริหารรถไฟฟ้ามีผู้สมัคร 6 คน สัมภาษณ์ และแสดงวิสัยทัศน์ในวันที่ 28 ก.พ. 2561
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังสัมภาษณ์และแสดงวิสัยทัศน์เสร็จ กรรมการคัดเลือกจะประชุมเพื่อสรุปผลทันทีก่อนนำเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท.ต่อไป
ทั้งนี้ เป็นที่จับตาว่าแม้ในการคัดสรรครั้งนี้จะเปิดกว้างมากกว่าการคัดเลือกรองผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท.ในอดีตที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีกระแสข่าวระบุว่าอาจมีการวางตัวบุคคลที่จะได้รับคัดเลือกไว้แล้วจากอดีตผู้บริหารที่ยังคงพยายามเข้ามาก้าวก่ายกิจการในรถไฟ
หากพิจารณาจากเกณฑ์การให้คะแนน หัวข้อสมรรถนะที่เกี่ยวข้องกับงานในตำแหน่งที่พิจารณาจากความรู้ความสามารถ และผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมาและวิสัยทัศน์ที่ 40 คะแนน กับหัวข้อด้านประวัติการทำงาน ระยะเวลาการเข้าสู่ตำแหน่งอายุงานที่ 15 คะแนน อาจจะมองได้ว่าให้ความสำคัญเรื่องดังกล่าวน้อยไปทั้งที่อายุงานในระดับ 12 และระดับ 13 เป็นปัจจัยสำคัญในการเป็นผู้บริหาร ความอาวุโส และบารมี ซึ่งโดยหลักการแล้วควรให้น้ำหนักใน 2 หัวข้อใกล้เคียงกัน เพราะที่ผ่านมารถไฟเคยมีปัญหาแต่งตั้งที่ไม่เป็นธรรม ไม่เหมาะสม ตั้งคนที่อาวุโสน้อยเกินไป มีปัญหาในการบริหารจัดการ
รายงานข่าแจ้งว่า การเป็นผู้บริหาร อายุงาน ผลการทำงาน ประสบการณ์ เป็นสิ่งที่จับต้องได้ และสามารถนำมาวิเคราะห์กับการบริหารคนที่มีเป็นหมื่นได้อย่างไร แต่การตั้งเกณฑ์ 15 คะแนนถือว่าต่ำเกินไป ส่วนการแสดงวิสัยทัศน์ ซึ่งมีการตั้งคะแนนไว้สูงมาก เป็นเรื่องที่จับต้องไม่ได้ เพราะเป็นการวัดจากความรู้สึก ดังนั้นมองได้ว่าหากไม่ให้ความสำคัญกับคะแนนของระยะเวลาและอายุงานที่ผ่านมาในการครองตำแหน่งระดับ 12, 13 ควรกำหนดเรื่องระยะเวลาในการครองตำแหน่งไว้ในคุณสมบัติให้ชัดเจนว่ากี่ปีแทน
แหล่งข่าวจาก ร.ฟ.ท.ระบุว่า เกณฑ์การให้คะแนนอาจจะสะท้อนได้ว่ามีการเปิดช่องหรือเอื้อประโยชน์ให้บางคนได้ แต่เกณฑ์ดังกล่าวคณะกรรมการคัดเลือกได้ประชุมและนำเกณฑ์ในการคัดเลือกระดับรองอธิบดีของหน่วยงานราชการมาเปรียบเทียบจึงกำหนดออกมา รวมถึงแนวการให้คะแนนของ ก.พ.ด้วย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รัฐบาลได้ทุ่มงบลงทุนมหาศาลในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรถไฟ มีการผลักดันรถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูงหลายเส้นทาง รวมถึงจะมีการลงทุนด้านหัวรถจักร รถโดยสาร รถสินค้าอีก ดังนั้นผู้บริหารรถไฟควรเป็นผู้มีความรู้ความสามารถที่จะสามารถขับเคลื่อนรถไฟในอนาคตได้ และไม่ควรเป็นผู้บริหารที่ใช้มุมมองและวิสัยทัศน์แบบเดิมๆ ที่เป็นส่วนทำให้รถไฟเป็นองค์กรที่มีแต่ปัญหาและทุจริต คอร์รัปชันเหมือนที่ผ่านมา