“คมนาคม” ชง ครม.สัญจรที่เพชรบุรี เร่งพัฒนาไฮสปีดกรุงเทพ-หัวหิน, รถไฟทางคู่เฟส 2 และถนนเลียบทะเลตะวันตก หนุนท่องเที่ยวและเป็นเส้นทางสำรองลงใต้
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) จังหวัดเพชรบุรี ระหว่างวันที่ 5-6 มี.ค. 2561 ในส่วนของกระทรวงคมนาคมจะนำเสนอแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ซึ่งจะมีการพัฒนาถนน เส้นทางรถไฟ และสนามบินเพื่อสนับสนุนการขนส่งและท่องเที่ยว โดยได้ร่วมมือกับการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พัฒนาถนนเลียบทะเลด้านตะวันตกของอ่าวไทย หรือ “ไทยแลนด์ริเวียรา” ตั้งแต่ จ.สมุทรสาคร เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ไปสิ้นสุดที่ระนอง ซึ่งปัจจุบันมีปัญหาเส้นทางขาดช่วงในบางจุดไม่สามารถก่อสร้างเลียบชายทะเลได้ เพราะอาจจะมีบางจุดติดพื้นที่ป่าสงวน พื้นที่อุทยานแห่งชาติ หรือชุมชน ทำให้ต้องตัดออกมาเชื่อมกับถนนสายหลัก
ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) พิจารณาแก้ปัญหา ซึ่งถนนเลียบชายฝั่งทะเลเป็นหนึ่งในข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเพื่อใช้เป็นถนนสำรองกรณีถนนเพชรเกษมเกิดน้ำท่วม เช่น ตอนปี 2560 ทำให้การขนส่งสินค้าและเดินทางไปภาคใต้ไม่ได้
นอกจากนี้จะรายงานความคืบหน้ารถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-หัวหิน ,รถไฟทางคู่ สายใต้ ซึ่งได้มีการลงนามสัญญาก่อสร้างแล้ว 3 เส้นทาง คือ นครปฐม-หัวหิน, หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์, ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร และในปี 2561 จะเสนอ ครม.ขออนุมัติ อีก 2 เส้นทาง คือ ชุมพร-สุราษฎร์ธานี และสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา ส่วนการขนส่งทางอากาศนั้นจะพัฒนาสนามบินบ่อฝ้าย ของกรมท่าอากาศยาน (ทย.) โดยเร็วๆ นี้ สายการบินไทยแอร์เอเชียจะเปิดบินในเส้นทางกัวลาลัมเปอร์-หัวหิน
ครม.เห็นชอบไทยเข้าเป็นภาคีแก้ไขอนุสัญญา การบินพลเรือนระหว่างประเทศ
นายอาคมกล่าวว่า ที่ประชุม ครม.วันที่ 27 ก.พ. มีมติเห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าเป็นภาคี เกี่ยวกับการแก้ไข อนุสัญญาว่าด้วยการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ที่ได้ลงนามที่ เมืองมอนทรีออล วันที่ 6 ต.ค. 2559 ซึ่งมี 2 ประเด็น คือ การแก้ไขอนุสัญญา ข้อ 50 (เอ) ว่าด้วยการเพิ่มจำนวนสมาชิกคณะมนตรีจาก 36 ประเทศเป็น 40 ประเทศ และข้อ 56 การเพิ่มจำนวนสมาชิกคณะกรรมาธิการการเดินอากาศ จาก 19 คนเป็น 21 คน ซึ่งเป็นชุดที่กำหนดเทคนิคการเดินอากาศ
ทั้งนี้ องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เสนอแนะให้ไทยเป็นภาคีอนุสัญญาและพิธีสารที่สำคัญ 5 ฉบับ ซึ่งทำ 2 ฉบับดังกล่าวเนื่องจากไม่มีการแก้ไขกฎหมายภายในประเทศ ส่วนที่เหลืออีก 3 ฉบับจะเป็นพิธีสารแก้ไขอนุสัญญาว่าด้วยการกระทำผิดบางประการที่กระทำในอากาศยาน, อนุสัญญาว่าด้วยการปราบปรามการกระทำอันมิชอบด้วยกฎหมายเกี่ยวกับการบินพลเรือนระหว่างประเทศ, พิธีสารเพิ่มเติมเพื่อการปราบปรามการยึดอากาศยานโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งต้องใช้เวลาพิจารณากฎหมายที่อาจจะเกี่ยวข้อง และวิเคราะห์ผลกระทบในการเข้าร่วมภาคี