เปิดเวทีรับฟังความเห็นรอบ 2 แผนปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน 8 ธ.ค.ที่โคราช “ดุสิต เครืองาม” กรรมการปฏิรูปฯ เตรียมกางแผนปฏิรูปเปิดเสรีโซลาร์รูฟท็อป คาดในอีก 20 ปีจะมีบ้านและอาคารพาณิชย์ติดตั้งได้ 1 ล้านหลังคา คิดเป็น 2.5 หมื่นเมกะวัตต์ พร้อมเสนอใช้กฎให้ประชาชนแยกขยะหนุนผุดโรงไฟฟ้าขยะชุมชนเพิ่มขึ้น
นายดุสิต เครืองาม กรรมการในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน เปิดเผยว่า วันที่ 8 ธันวาคมนี้จะสัมมนารับฟังความเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชนและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแผนการปฏิรูปประเทศด้านพลังงานเป็นครั้งที่ 2 ที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งจะเน้นรับฟังความเห็นด้านพลังงานทดแทนและการปรับบทบาทของกิจการไฟฟ้า โดยจะนำเสนอแนวทางการปฏิรูปการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) เสรีแท้จริงโดยไม่คำนึงการรับซื้อจากภาครัฐ โดยอาคารบ้านเรือน ธุรกิจ โรงงาน ฯลฯ สามารถติดตั้งเองและให้ผู้อื่นเช่าได้เสรีไม่จำกัดจำนวน คาดว่าอีก 20 ปีข้างหน้าบ้านที่อยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์จะติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปได้ 1 ล้านหลังคา คิดเป็น 2.5 หมื่นเมกะวัตต์
“เราคงไม่สนใจโครงการส่งเสริมโซลาร์รูฟท็อปของกระทรวงพลังงานที่ทราบว่าจะไม่เรียกโซลาร์รูฟท็อปเสรี แต่จะใช้คำว่า Net Billing แทน โดยซื้อไฟส่วนที่เหลือจากการใช้ที่จะกำหนดปริมาณรับซื้อ และจำกัดพื้นที่ แต่การปฏิรูปที่ผมจะเสนอวันที่ 8 ธ.ค.เพื่อรับฟังความเห็นเรียกว่าไม่แคร์การรับซื้อของรัฐ คือใครอยากติดก็ติดและให้เช่าได้แต่ก็จะต้องมีสัญญาเช่า หรือ Private PPA และให้สามารถซื้อขายไฟกันเองได้ด้วยเช่นกัน” นายดุสิตกล่าว
นอกจากนี้ ในส่วนของการผลิตไฟจากขยะชุมชนยังจะเสนอแนวทางการปฏิรูปที่สำคัญ คือ ขยายการรับซื้อไฟมากขึ้นกว่า 500 เมกะวัตต์ โดยเสนอให้ออกกฎกระทรวงภายใต้ พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมืองที่จะกำหนดให้ประชาชนต้องแยกขยะเปียกและรีไซเคิลออกจากกัน และห้ามเทศบาลในฐานะดูแลขยะห้ามนำขยะที่แยกไปรวมกันหากไม่ทำตามจะผิดกฎหมาย และเมื่อจะตั้งโรงไฟฟ้าจากขยะต้องให้จังหวัดเป็นผู้ทำการประชาพิจารณ์ไม่ใช่ให้เอกชนดำเนินการเช่นปัจจุบันทั้งที่ยังไม่มีขยะเป็นเชื้อเพลิง ขณะที่โรงไฟฟ้าจากชีวมวลนั้นจะมุ่งเสนอแนวทางการส่งเสริมปลูกไม้โตเร็วเข้ามาเป็นเชื้อเพลิง เป็นต้น