“อาคม” แบ่งงาน “ไพรินทร์” คุมขนส่ง, ขสมก., ทางน้ำ, รถไฟ มอบนโยบายสำคัญคุมปฏิรูปรถเมล์, เร่งซื้อรถเมล์ NGV, เร่งรัดรถไฟทางคู่, รถไฟเชื่อม 3 สนามบินและท่าเรือแหลมฉบัง แถม กทพ.เพื่อเร่งตั้งกองทุน TFF พ่วงแผนฟื้นฟู 3 หน่วยรัฐวิสาหกิจ “การบินไทย-ขสมก.-ร.ฟ.ท.” ให้เป็นไปตามเป้าหมายของ คนร. ด้าน “ไพรินทร์” พร้อมเร่งลงทุนเมกะโปรเจกต์ช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจให้นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นผู้กำกับดูแลแล้ว รวม 8 หน่วยงาน ได้แก่ กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ซึ่งมีเรื่องสำคัญคือการปฏิรูปเส้นทางรถเมล์และการแยกให้ ขบ.เป็นผู้กำกับดูแล (Regulator), องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เป้าหมายให้เร่งดำเนินการจัดซื้อรถยนต์โดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงธรรมชาติ (NGV), บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.)
กรมเจ้าท่า (จท.) เร่งผลักดันการเดินเรือเฟอร์รีที่บรรทุกรถยนต์ข้ามอ่าวไทย โดยร่วมทุนกับเอกชน และโครงการท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise) ที่จังหวัดกระบี่ และอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และการแก้ปัญหา IUU ซึ่งจะต้องร่วมมือกับกรมประมง, การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เน้นเร่งรัดโครงการท่าเรือแหลมฉบัง ขั้นที่ 3 เพื่อรองรับนโยบาย โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และบริษัท รถไฟฟ้าร.ฟ.ท. จำกัด (รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์) ซึ่งมีงานที่ต้องเร่งรัดโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หัวหิน และรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง ที่รอลงนามสัญญา ส่วนที่เหลือให้สามารถเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ได้ภายในปี 2561 ได้แก่ ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา, หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์, ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ซึ่งต้องการให้ รมช.คมนาคมช่วยดูเรื่องการระดมทุนโครงสร้างกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (กองทุนรวมฯ) หรือ Thailand Future Fund : หรือ TFF ในการลงทุนโครงการสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร และทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N2 และ E-W Corridor
นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้นายไพรินทร์ดูแลแผนฟื้นฟูของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน), ร.ฟ.ท. และ ขสมก.ให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ซึ่ง ร.ฟ.ท.อยู่ระหว่างการตั้งบริษัทลูก
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม กล่าวว่า จากที่คณะรัฐมนตรีประยุทธ์ 5 ได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่ พระองค์มีรับสั่งห่วงใยความทุกข์สุขและความปลอดภัย ของประชาชนสำคัญที่สุด ซึ่งให้ รมต.ใหม่ใช้ปัญญาและความอดทน ซึ่งงานของกระทรวงคมนาคมตรงหลายประเด็น ขณะที่เวลาในการทำงานอาจจะมีไม่ได้มากนัก ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้ดำเนินงานหลายเรื่อง ถึงเวลาที่ทำให้ประชาชนได้รับรู้ ได้ใช้ประโยชน์โครงสร้างพื้นฐานใหม่ เพื่อทำให้ประเทศก้าวหน้าไปอีกขั้น
“การทำงานต้องเข้มข้นเพื่อผลักดันและขับเคลื่อนโครงการ ซึ่งตอนนี้สถานการณ์เศรษฐกิจของไทยเป็นช่วงฟื้นตัวขาขึ้น ถือเป็นจังหวะที่เหมาะสมที่จะออกแรงผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานให้ลุล่วงตามเป้าหมาย” นายไพรินทร์กล่าว
