กลุ่ม ปตท.เร่งทบทวนแผนการลงทุน 5 ปี จากเดิมที่วางไว้ 1.6 ล้านล้านบาท เน้นโตไปพร้อมกับ EEC คาดได้ข้อสรุปแผนลงทุนชัดเจนปลายปี 60 พร้อมแสวงหา New S-Curve สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
นางศรีวรรณ เอี่ยมรุ่งโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์องค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ปตท.มอบหมายบริษัทในเครือฯ เร่งทบทวนแผนการลงทุน 5 ปีข้างหน้า (2561-2565) ใหม่จากเดิมที่เคยกำหนดไว้ 1.6 ล้านล้านบาท เพื่อให้สอดรับนโยบายพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) คาดว่าจะมีความชัดเจนแผนการลงทุนได้ในปลายปีนี้ และหา New S-Curve เพื่อสร้างการเติบโตไปพร้อมกับประเทศ
โดยอาศัยความเก่งและทรัพย์สินที่มีอยู่ขององค์กรเพื่อต่อยอดธุรกิจ ขณะที่ฐานะการเงินก็เข้มแข็ง มีเงินสดและเงินที่ได้จากการดำเนินงานมาก อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E)ต่ำเพียง 0.73 เท่า จึงสามารถกู้เงินเพื่อขยายธุรกิจได้อีก
“นับจากนี้ทิศทางการลงทุนของกลุ่ม ปตท.จะเกาะกับ EEC เป็นหลัก มองว่าเป็นโอกาสที่จะสร้าง New S-Curve เพื่อเติบโตไปพร้อมกับประเทศ เหมือนกับเมื่อครั้งที่ไทยพบก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ปตท.ก็เติบโตไปพร้อมกับก๊าซฯ นับตั้งแต่นั้นมา”
วันนี้ (20 ก.ย.) นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และพลเรือเอก ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานและการบริการน้ำมันเชื้อเพลิงและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องบริเวณสนามบินอู่ตะเภา เพื่อสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก:เมืองการบินภาคตะวันออก (Eastern Aviation) ให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม ตามนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 โดยจะร่วมมือศึกษาและพัฒนาทั้งในส่วนของธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจก๊าซ และธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนาให้อู่ตะเภาเป็นฮับการบินของอาเซียน
ทั้งนี้ ปตท.ได้กำหนดยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างความเข้มแข็งและเติบโตให้กับกลุ่ม ปตท. ภายใต้ PTT 3D คือ 1. Do Now เป็นการดำเนินการทำทันที เช่น ลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพโดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่ง ปตท.ได้ดำเนินการมาแล้ว 1 ปี ทำให้ ปตท.มีกำไรสุทธิ 6 เดือนแรกปีนี้ 7.74 หมื่นล้านบาท
2. Decide Now เป็นการขยายการเติบโตที่ต้องเร่งตัดสินใจ เพื่อนำไปสู่การลงทุนของธุรกิจ เช่น ไทยออยล์อยู่ระหว่างการตัดสินใจลงทุนโครงการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ (CFP) ทำให้กำลังการกลั่นเพิ่มขึ้นเป็น 4 แสนบาร์เรล/วัน และไม่มีน้ำมันเตาในกระบวนการผลิตเพื่อรองรับการเดินเรือทั่วโลกจะยกเลิกใช้น้ำมันเตาที่มีซัลเฟอร์ 3%ทำให้โรงกลั่นต้องปรับตัวเอง และ 3. Design Now คือการเร่งสร้างธุรกิจใหม่ให้มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดในอนาคตโดยการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจ และพัฒนาธุรกิจในรูปแบบใหม่ๆ ที่ตอบสนองเทรนด์ของโลก เทคโนโลยีและนวัตกรรม
นางศรีวรรณกล่าวถึงการแยกหน่วยธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกออกมาเป็นบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (PTTOR) ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการภายใต้ พ.ร.บ.ร่วมทุน ซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อาจจะดำเนินการโอนไม่ทันปีนี้ ซึ่งจะมีผลทำให้แผนการนำบริษัท PTTOR เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องเลื่อนออกไปเป็นปี 2562
