“เกศรา” มั่นใจตลาดหุ้นไทยรับอานิสงส์ Thailand 4.0-EEC หนุน ศก. ไทยโตยาวดึงดูดต่างชาติเข้าลงทุน และถือเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาแพลตฟอร์มการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทยในระยะยาว
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวในงาน Thailand Focus 2017 : Establishing the New Engine โดยระบุว่า ในปีนี้รัฐบาลได้ดำเนินการหลายกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เช่น กลยุทธ์ประเทศไทย 4.0, การเร่งพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และการกระตุ้นและสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัป ซึ่งกลยุทธ์เหล่านี้ถือเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาแพลตฟอร์มการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทยในระยะยาว
ขณะนี้กลยุทธ์ประเทศไทย 4.0 ได้นำพาประเทศไทยมาสู่ทางแยกที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ กว่า 200 บริษัทได้ออกไปลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV และอาเซียน
“งาน Thailand Focus 2017 จะเป็นการวิเคราะห์การเติบโตทางเศรษฐกิจ และการพัฒนาตลาดทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย รวมถึงการขยายตัวของตลาดฟินเทคในอุตสาหกรรมทางการเงินในอาเซียน” นางเกศรา กล่าว
พร้อมระบุว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีผลกำไรมากถึง 5.6% ในรอบครึ่งปีที่ผ่านมา และได้จ่ายเงินปันผลเป็นจำนวนถึง 9.4 หมื่นล้านบาท เทียบกับจำนวนเงินปันผลที่จ่ายเป็นจำนวน 8.8 หมื่นล้านบาทเมื่อปีที่ผ่านมา จึงเท่ากับว่า บจ. ไทยสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุน ซึ่งเป็นการตอบสนองความต้องการใหม่ ๆ ของนักลงทุน
นอกจากนี้ ตลท. ได้รับคะแนนการประเมินผลการกำกับดูแลกิจการในระดับสูงในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา และได้รับการประเมินว่ามีความคล่องตัวในระดับสูงเป็นระยะเวลา 5 ปีติดต่อกัน อีกทั้งมี บจ. ถึง 14 บริษัทที่อยู่ในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ ซึ่งขณะนี้ ตลท. กำลังอยู่ระหว่างการจัดทำดัชนีของกลุ่ม CLMV ด้วย
สำหรับงาน Thailand Focus ในครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29-30 ส.ค. โดยมีผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลกเข้าร่วมงาน 116 ราย ส่วนหนึ่งเป็นนักลงทุนกลุ่มระดับ Platinum และมีมูลค่าสินทรัพย์รวม (AUM) สูงถึง 2.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจกับตลาดหุ้นไทยมากขึ้น
จุดเด่นของงานในครั้งนี้จะเป็นการให้ข้อมูลโดยตรงจากผู้บริหาร บจ. ที่ร่วมให้ข้อมูล 142 บริษัทสูงเป็นประวัติการณ์ โดยมาจากทุกกลุ่มอุตสาหกรรม อีกทั้งมีการประชุมในรูปแบบ one-on-one meeting และ group meeting ธุรกิจ รวมทั้งสิ้น 1,464 ครั้ง มากที่สุดตั้งแต่มีการจัดงาน ซึ่งสามารถนำเสนอข้อมูลแก่ผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลกให้เห็นถึงโอกาสการเติบโตของจากนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ Thailand 4.0 ของภาครัฐ
นางเกศรา กล่าวว่า ทิศทางความสนใจของนักลงทุนต่างชาติต่อตลาดทุนไทยดีขึ้น และการให้เวลากับตลาดหุ้นไทยมากขึ้นจะทำให้ Sentiment การลงทุนจะปรับตัวดีขึ้นไปด้วย ประกอบกับในปัจจุบัน ค่า P/E ของตลาดหุ้นไทยถือว่าใกล้เคียงกับตลาดหุ้นมาเลเซีย และสิงคโปร์ ที่อยู่ในระดับประมาณ 15-16 เท่าแล้ว ขณะที่ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ยังอยู่ในระดับ 19-20 เท่า ถือว่าสูงกกว่าตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมาก
ขณะนี้เชื่อว่า นักลงทุนต่างชาติไม่ได้มองว่า ตลาดหุ้นไทยแพงแล้ว ดังนั้น การจะสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาสนใจตลาดหุ้นไทยก็คือ เรื่องผลประกอบการของ บจ. มากกว่า ซึ่งมองว่า งาน Thailand Focus จะช่วยให้นักลงทุนต่างชาติจะมีความเข้าใจในประเทศไทย บจ. ไทย และทิศทางการเติบโตในอนาคต
“ตอนนี้ตลาดหุ้นไทยไม่ได้ถือว่าแพงแล้วเมื่อเทียบกับหลาย ๆ ประเทศที่ก่อนหน้านี้เราแพงกว่าเค้า ซึ่งหากราคาไม่ได้ห่างกันแบบนี้เชื่อว่า ประเทศไทยจะได้รับความสนใจอีกครั้ง ส่วนปริมาณการซื้อขายที่ปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นไทยนั้น หากไปดูจริง ๆ แล้วไม่ได้ลดลงเพียงตลาดเดียว แต่ลดลง และดัชนีอยู่นิ่ง ๆ ในทุกตลาด ยกเว้นตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งก็เป็นในทิศทางเดียวกันทั่วโลก แต่เราก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะปริมาณการซื้อขายต้องอยู่ที่นักลงทุน ซึ่งปริมาณการซื้อขายของไทยที่หายไปส่วนใหญ่จะมาจากนักลงทุนรายย่อยในประเทศเสียมากกว่า แต่หากไปดูจริง ๆ แล้วนักลงทุนต่างชาติ นักลงทุนสถาบันในประเทศ ก็ยังซื้อขายอยู่ในระดับเดิม” นางเกศรา กล่าว